“เทวัญ”ยกวัดระฆังโฆสิตารามวัดต้นแบบการจัดโรงทานสู้ภัยโควิด-19

วันที่ 23 เม.ย.2563 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่วัดระฆังโฆสิตาราม เพื่อติดตามการบริหารจัดการของโรงทาน ตามพระดำริของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ให้จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบากในสถานการณ์โรคระบาดโควิด – 19 โดยวัดระฆังโฆสิตาราม เป็นวัดที่อยู่ในพื้นที่ชุมชนแขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร มีประชาชนอาศัยบริเวณรอบวัดหลายร้อยครัวเรือน พบว่าเมื่อเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประชาชนประสบความทุกข์ยากเป็นจำนวนมาก

ก่อนการเยี่ยมชมโรงทาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าถวายสักการะ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และพระธรรมธีรราชมหามุนี เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม จากนั้นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้พบปะประชาชนที่มารอรับบริจาคสิ่งของ โดยวัดระฆังโฆสิตารามได้ประสานใช้สถานที่ของโรงเรียนโฆสิตสโมสร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงวัด เป็นสถานที่พักรอก่อนให้ประชาชนเข้าแถวไปรับสิ่งของบริเวณจุดที่ทางวัดจัดไว้ ทั้งนี้ ในการบริหารจัดการแจกจ่ายสิ่งของให้ประชาชน ทางวัดได้ปฏิบัติตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยการจัดที่นั่งพักรอและการเข้าแถว ต้องมีการเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร มีการกำหนดจุดชัดเจน รวมถึงจัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเพื่อคัดกรองเบื้องต้น ก่อนเข้ารับสิ่งของในบริเวณจุดรับของบริจาค ในส่วนของการรับสิ่งของจะให้ประชาชนเป็นผู้รับเอง โดยไม่มีการสัมผัสมือระหว่างผู้ให้และผู้รับ

จากนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการปฏิบัติงานของประชาชนจิตอาสาภายในโรงครัวของวัด ซึ่งมีการประกอบอาหารเพื่อแจกจ่ายแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนในชุมชนวัดและพื้นที่ใกล้เคียง โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้มอบข้าวสาร จำนวน 6 กระสอบ ให้แก่ทางวัดเพื่อใช้ในการประกอบอาหารและแจกจ่ายให้ประชาชนต่อไป

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการเยี่ยมชมการดำเนินงานของโรงทาน วัดระฆังโฆสิตาราม ได้เห็นการบริหารจัดการที่ดี เป็นระบบ และเป็นต้นแบบให้วัดอื่นที่มีการจัดตั้งโรงทาน เป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข นอกจากวัดจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธแล้ว ยังเป็นที่พึ่งของประชาชนทุกชาติ ศาสนา ไม่ใช่เพียงชาวพุทธเท่านั้น และการที่ได้เห็นผู้มีจิตกุศลนำสิ่งของมาร่วมบริจาคเพื่อให้ทางวัดแจกจ่ายยังประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยากจากสถานการณ์โควิด-19 แสดงให้เห็นถึงน้ำใจคนไทยที่ช่วยเหลือกันเพื่อให้ทุกชีวิตฝ่าวิกฤติโควิด-19 ไปได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นเอกลักษณ์ของสังคมไทยที่ไม่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ดังนั้น อยากให้คนไทยทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน ป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยปฏิบัติตามข้อแนะนำของภาครัฐ ในการสวมใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือเป็นประจำ และเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร หากพบว่ามีอาการไข้สูง หรือร่างกายปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที

Leave a Reply