ฉายาพระภิกษุสงฆ์แห่งปี’63 (รีรัน)

              การตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี หรือ การตั้งฉายานักการเมืองประจำรัฐสภาหรือแม้กระทั้งวงการ ทหาร ตำรวจ ดารา ของผู้สื่อข่าว ถือเป็นธรรมเนียมปฎิบัติสืบต่อกันมาและถือเป็นปกติธรรมดาของสื่อมวลชนเพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของตัวแทนประชาชนและบุคคลสาธารณะ  โดยมิได้มีอคติ หรือเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ใดผู้หนึ่ง ทั้งหมดเกิดจากมติส่วนรวมของสื่อมวลชน

             การตั้งฉายาให้พระภิกษุสงฆ์ ปีนี้อาจจะถือว่าเป็นปีแรกของคนข่าวศาสนา และพวกเราในฐานะสื่อมวลชนศาสนา การตั้งฉายาให้กับพระภิกษุสงฆ์ มิได้เกิดจากความไม่เคารพไม่นับถือ หรือ ไม่ศรัทธาหรือมีเจตนาล่วงละเมิดแต่ประการใดไม่ สื่อมวลชนในกองบรรณาธิการของเราทุกคนล้วนเป็นพุทธศาสนิกชนบางคนเป็นมหาเปรียญด้วยซ้ำไป

            การตั้งฉายาของพระภิกษุในปีนี้ เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ข่าวของพระภิกษุรูปนั่น ๆ  ทั้งในสื่อหลัก สื่อออนไลน์ และคำบอกเล่าปากต่อปากจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้  หากกระทบถึงจิตใจของพระคุณเจ้ารูปใด ทางกองบรรณาธิการขอกราบประทานอภัยล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้

            สำหรับพระภิกษุสงฆ์ที่มีข่าวในรอบปีมีหลายสิบรูป กองบรรณาธิการขอเลือกเฉพาะ 10  รูปที่เป็นบุคคลในข่าวที่สังคมพูดถึงกันมาก พร้อมกับฉายา 10 ฉายาแห่งปี’63 ซึ่งมีพระภิกษุตั้งแต่ระดับสมเด็จ จนถึง พระมหา ดังปรากฎรายนามดังต่อไปนี้

1.      “เจ้าคุณชิน”  หรือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม แม่กองธรรมสนามหลวง ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณูปการ และ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

           เจ้าคุณชิน ครองตำแหน่งมากมายและมีอำนาจมากล้นในวงการคณะสงฆ์ทั้งในฝ่ายธรรมยุติกนิกายและฝ่ายมหานิกาย  โดยเฉพาะตำแหน่งเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เปรียบเสมือนแม่บ้านในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ตามภารกิจ 6 ด้าน ก่อนจะเข้าสู่การพิจารณาของสมเด็จพระสังฆราชหรือมหาเถรสมาคม ล้วนต้องผ่านการกลั่นกรอง สกรีน จากแม่บ้านรูปนี้ เปรียบเสมือนเลขาธิการนายกมนตรีที่สื่อมวลชนขนานนามว่า “นายกน้อย” สมเด็จชินหรือสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ก็เฉกเช่นเดียวกันเปรียบเสมือนพ่อบ้านของฝ่าย “ศาสนจักร”

        ด้วยเหตุนี้เจ้าคุณชินหรือสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ คงควรได้รับฉายาว่า “สังฆราชน้อย”

2.     “เจ้าคุณธงชัย” หรือ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ถือว่าเป็น “คนเหนือดวง” ในสังคมคณะสงฆ์ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าเจ้าคุณธงชัยจะก้าวสู่ตำแหน่งสมณศักดิ์ระดับ “ชั้นสมเด็จ” ได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวลือทั่วศาสนจักรและอาณาจักรว่าเจ้าคุณธงชัยประสบกับ “วิบากกรรม” ถึงขั้นว่าอาจ “ต้องสลัดผ้าเหลือง” ต้องอุ้มบาตรและจีวรหนีออกจากวัดไปหลบซ่อนอยู่ต่างจังหวัด

        แต่แล้วจู่ ๆ  เจ้าคุณธงชัยก็ได้รับสถาปนาเป็น “สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี” และยิ่งกว่านั่น  เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ได้รับโปรดเกล้า ฯ เป็น “เจ้าคณะใหญ่หนกลาง”  เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เนื่องจากเจ้าคุณธงชัยไม่เคยมีประสบการณ์บริหารกิจการคณะสงฆ์

        ด้วยเหตุนี้เจ้าคุณธงชัย หรือ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี จึงควรได้รับฉายาว่า  “สมเด็จม้ามืด”

3.   “เจ้าคุณประยูร”  หรือ พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ไทย และอดีตรักษาการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง

       เจ้าคุณประยูร เป็นพระนักวิชาการ นักบริหาร นักเทศน์และนักเขียน ผู้มีผลงานมากมายทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เป็นพระภิกษุที่ได้รับการยกย่องจากทั่วโลก เป็นพระสงฆ์ไทยรูปแรกที่ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย และเป็นราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาปรัชญา

      ด้วยความเป็นพระนักปราชญ์ของท่านแบบครบเครื่อง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า ทั้งสมณศักดิ์ ระดับ “สมเด็จ” และ “เจ้าคณะใหญ่หนกลาง” จะหลุดมือจากพระผู้เป็นปราชญ์ท่านนี้ไปได้

      ด้วยเหตุนี้เจ้าคุณประยูรหรือพระพรหมบัณฑิต จึงควรได้รับฉายาว่า “นักปราชญ์..ถูกเมิน”

4. “เจ้าคุณเกษม”  หรือ พระธรรมกิตติเมธี กรรมการมหาเถรสมาคม รักษาการเจ้าคณะภาค 16 – 17- 18 (ธ) ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เป็นพระนักเคลื่อนไหวชื่อดัง เป็นนักพูด นักเขียน นักสื่อสารสังคม หลังจากได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม บทบาทการเคลื่อนไหวของท่านเริ่มแผ่วและเบาบางลง

      ด้วยเหตุนี้เจ้าคุณเกษมหรือ พระธรรมกิตติเมธี จึงควรได้รับฉายาว่า “NGO..ถูกดอง”

5.   “เจ้าคุณมีชัย” หรือ พระเทพปริยัติมุนี รองเจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม เป็นพระนักเทศน์ นักคิด เป็นผู้มีบารมีมากล้นใน วงการสีกากีและสีเขียว”  

       ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเจ้าคุณมีชัยดูดวงโหราศาสตร์ แต่ด้วยความที่ท่านเป็นผู้วาทะศิลป์เป็นเลิศ รู้จักการมองคนและประสานประโยชน์เป็น  ถนนทุกสายทั้งนักการเมือง ทหาร ตำรวจ และข้าราชการ จึงวิ่งเข้าหาท่าน ยิ่งมีคำร่ำลือว่าวัดหงษ์คือสถานที่จัด “โผรายชื่อ” คนในวงการสีเขียวและสีกากี ถนนทุกสายจึงวิ่งเข้าหาเจ้าคุณมีชัย เพื่อปัดเป่าขอพร บันดาลให้สิ่งที่ตนเองต้องการ

      ด้วยเหตุนี้เจ้าคุณมีชัยหรือพระเทพปริยัติมุนี จึงควรได้รับฉายาว่า “เจ้าคุณโหร..การเมือง”

6. “ท่านขาว” หรือ พระครูโฆสิตสุตาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดบูรพาราม อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เป็นพระนักฟื้นฟูและนักกอบกู้เพื่อชาวพุทธในฐานถิ่นกำเนิดตัวเอง เป็นผู้ประสานกับภาครัฐ ชาวพุทธและคณะสงฆ์ในส่วนกลาง เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงให้กับชาวพุทธในพื้นที่ภาคใต้ เป็นผู้สะท้อนปัญหาและการเป็นอยู่ของชาวพุทธใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านสื่อต่าง ๆ โดยไม่หวาดหวั่นต่อภัยคุกคามต่าง ๆ ทั้งบนดินและใต้ดิน

       ด้วยเหตุนี้ท่านขาวหรือพระครูโฆสิตสุตาภรณ์ จึงควรได้รับฉายาว่า “พระนักต่อสู้..ปลายด้ามขวาน”

7.  พระครูวิมลปัญญาคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ผู้ก่อตั้งโรงเรียนศรีแสงธรรม  ผู้ก่อตั้ง “กองทุนพลังงานแสงอาทิตย์”  เป็นผู้ดำเนินการติดตั้งโซล่าร์เซลล์ให้กับโรงพยาบาล 77 โรงใน 77 จังหวัด เป็นผู้เข้าร่วมช่วยเหลือเกษตรกรในโครงการ “โคกหนองนา โมเมล” เป็นผู้ติดตั้งโซล่าร์เซลล์ให้กับโรงเรียนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ด้วยแผงโซล่าร์เซลล์ รวมทั้งเป็นโรงเรียนสอนให้ความรู้ในการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์

      ด้วยเหตุนี้พระครูวิมลปัญญาคุณ จึงควรได้รับฉายาว่า “พระพลังงาน..แสงอาทิตย์”

8.     “เจ้าคุณประสาร” หรือ พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เป็นพระที่มีคอนเนคชั่นกับนักเมืองแนบแน่นหลายกลุ่มทั้งวงการทหารและตำรวจ โดยเฉพาะกับ คุณทักษิณ ชินวัตร มีความสนิทสนมเป็นพิเศษ เจ้าคุณประสาร เป็นพระนักต่อสู้และนักเคลื่อนไหวทางสังคม โดยเฉพาะประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาและกิจการคณะสงฆ์

        หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ทำการรัฐประหาร เจ้าคุณประสารถูกร้องขอจากพระผู้ใหญ่และชนชั้นนำว่า “ให้พระคุณเจ้าอยู่เงียบ ๆ…เดียวโยมจัดการเอง”

       เจ้าคุณประสารจึงเลือกที่จะสื่อสารผ่าน “เฟชบุ๊ค” เหมือน ตีคิม สีซอ ดีดกีต้าร์ วิพากษ์ วิจารณ์ภาครัฐและสังคมอยู่เนื่อง ๆ จนเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง

        ด้วยเหตุนี้เจ้าคุณประสารหรือพระเมธีธรรมจารย์ จึงควรได้รับฉายาว่า “เจ้าคุณ..นักสีซอ”

9.   พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต เป็นพระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของประเทศไทย จนกลายเป็นกระแสความนิยมและกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ ด้วยสโลแกนที่ฮิตติดปากว่า ธรรมะเดลิเวอรี่

      รูปแบบการเทศน์ของท่านเป็นที่ถูกใจประชาชนคนรุ่นใหม่และรุ่นกลาง มีการเพิ่มเติมความสนุกสนานและอารมณ์ขันลงไปเพื่อเป็นแรงกระตุ้นและสร้างความน่าสนใจ เน้นการใช้ภาษาที่ง่ายๆ ให้คนเข้าใจถึงแก่นธรรมอย่างง่ายที่สุด ใช้สถานการณ์บ้านเมืองหรือเหตุการณ์สำคัญ ๆ มาเป็นตัวอย่างในการอธิบายธรรม บางครั้งท่านนำละคร ซี่รี่ส์เกาหลีที่กำลังฮิต ละครไทย มาเป็นตัวอย่างประกอบ ทำให้ผู้ฟังมีอารมณ์ร่วมและเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

     ด้วยการเทศน์ที่สนุกสนานใช้คำพูดตลกเฮฮา ล้อเลียนการเมือง ล้อเลียนสังคม จึงไม่เป็นที่พอใจของพระผู้ใหญ่และชนชั้นนำทางสังคม เนื่องจากมองว่าไม่เหมาะสมกับ “สมณวิสัย” จึงไม่เป็นที่ยอมรับของหมู่ชนชั้นนำ แต่ถูกยอมรับจากคนรุ่นใหม่และคนวัยกลางคน

     ด้วยเหตุนี้พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต จึงควรได้รับฉายาว่า “พระมหา..ตลกนอกทำเนียบ”

10.  พระมหาไพรวัลย์ วรวณุโณ เป็นพระชื่อดังในโซเซียลมีเดีย.. เป็นพระหนุ่มรุ่นใหม่ที่ ยึดมั่นในวิถีทางแห่งประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยนชน เป็นผู้สะท้อนความคิดและวิพากษ์วิจารณ์สังคมผ่านสื่อบ่อย ๆ

       ในห้วงเวลาที่คณะราษฎรและคณะปฎิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ออกมาเคลื่อนไหว พระมหาไพรวัลย์ ออกตัวชัดแจ้งในเรื่องการเห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวคณะปฎิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่

       ด้วยเหตุนี้มหาไพรวัลย์ วรวณุโณ จึงควรได้รับฉายาว่า “พระมหา..ธงธรรมจักรแครอท”

Leave a Reply