“นิพนธ์”แจงแล้ว! คณะสงฆ์เชียงราย ขอใช้ที่ดินสร้างพุทธมณฑลสำเร็จ

“นิพนธ์”แจงแล้ว! แนวทางขอใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์สาธารณะ ย้ำรัฐไม่ขัดข้องแต่ต้องเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ยกกรณีคณะสงฆ์เชียงรายขอใช้ที่ดินฯดำเนินการจนแล้วเสร็จ

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2564 ที่กระทรวงมหาดไทย มีการเปิดเผยถึงกรณีคณะสงฆ์จังหวัดเชียงรายมีปัญหาการก่อสร้างพุทธมณฑลในจังหวัดเชียงราย ที่มีพระเชียงแสนสิงห์องค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูงกว่า 30.09 เมตร ประดิษฐานอยู่ แต่ติดขัดในที่ดินของพุทธมณฑล ยังไม่สามารถที่จะถ่ายโอนไปยังหน่วยงานของรัฐได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากยังเป็นที่สาธารณประโยชน์ (น.ส.ล.) จึงต้องมีการเร่งรัดให้มีการดำเนินการที่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่กำกับดูแลกรมที่ดิน ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า “ตนได้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจัดขึ้นทะเบียนที่ดินของรัฐ เพื่อให้ทบวงการเมืองใช้ประโยชน์ในราชการในท้องที่ตำบลบัวสลี อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นไปตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขอให้จัดขึ้นทะเบียนที่ดินของรัฐ แปลง “ที่เลี้ยงสัตว์หมู่ที่ 15″ ในท้องที่ตำบลบัวสลี อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ เพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งพุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงราย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 334 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2515 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงจัดขึ้นทะเบียนที่ดินของรัฐดังกล่าว เพื่อให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งพุทธมณฑลสมโภช 750 เมืองเชียงราย ภายในแนวเขตตามที่กำหนดในท้ายประกาศ ซึ่งได้มีการลงนามไปแล้วเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 และได้มีการประกาศราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา”

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐพร้อมดำเนินการให้อย่างเร่งด่วนอยู่แล้ว ซึ่งเราต้องมองไปถึงเรื่องของการใช้ที่ดินที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นหลัก พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ อย่างกรณีคณะสงฆ์จังหวัดเชียงรายเสนอให้ดำเนินการมานั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ขอเพียงแค่ให้มีการตรวจสอบหลักฐานและดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายเท่านั้น ซึ่งพร้อมดำเนินการให้ทุกแห่ง”

ทั้งนี้ ขั้นตอนการดำเนินการจัดขึ้นทะเบียนที่ดินของรัฐ เพื่อให้ทบวงการเมืองใช้ประโยชน์ในราชการตามมาตรา 8 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินนั้น ผู้ขอซึ่งเป็นทบวงการเมืองให้ยื่นเรื่องต่อผู้ว่าราชการจังหวัดและในเขต กทม.ให้ยื่นต่ออธิบดีกรมที่ดินโดยที่ดินที่ขอต้องอยู่ในบริเวณที่กำหนดความเหมาะสมใช้ประโยชน์ในราชการ และไม่ขัดกฎหมายผังเมือง จากนั้นอำเภอหรือเขตท้องที่สอบสวนประวัติความเป็นมาพร้อมให้ความเห็น โดยผู้ขอใช้จัดทำแผนที่ท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย พร้อมจัดทำแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินและประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อประชุมให้ความเห็น และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชน ซึ่งจังหวัดก็จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและจะประกาศจัดขึ้นทะเบียนที่ดินของรัฐกำหนด 30 วัน

ครบกำหนดและไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่นก็ให้สรุปเรื่องส่งต่อไปยังกรมที่ดินตรวจสอบเรื่อง โดยดำเนินการตามระเบียกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการถอนสภาพ การจัดขึ้นทะเบียนและการจัดหาผลประโยชนในที่ดินของรัฐ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2550 และยกร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย พร้อมรูปแผนที่ และเสนอให้รัฐมนตรีลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทยและลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาซึ่งจะต้องดำเนินการออกประกาศกระทรวงมหาดไทยถอนการหวงห้ามไปในคราวเดียวกันอีกด้วย

จากกรณีดังกล่าว พระรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ได้แจ้งต่อ คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม นำโดย ดร.เพชรวรรต วัฒนศิริวัฒนกุล รองประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ในคราวประชุมร่วมกับคณะสงฆ์ ข้าราชการและประชาชนใน ว่า

..คณะสงฆ์มีปัญหาการก่อสร้างพุทธมณฑลในเชียงราย ที่มีพระเชียงแสนสิงห์องค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูงกว่า 30.09 เมตร ประดิษฐานอยู่ ติดขัดในที่ดินของพุทธมณฑล ยังไม่สามารถที่จะถ่ายโอนไปยังหน่วยงานของรัฐได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากยังเป็นที่สาธารณประโยชน์ (น.ส.ล.) จึงขอให้คณะกรรมาธิการช่วยเหลือ 2 ประเด็นหลักคือ หนึ่ง การเช่าพื้นที่การเช่าของวิทยาลัยสงฆ์เชียงราย และสองการขอเอกสารสิทธิพื้นที่ของพุทธมณฑลจังหวัดเชียงราย..”

ซึ่งการประชุมร่วมกันในคราวนั้นคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร รับปากว่าจะดำเนินการประสานกับรัฐบาลในการขอใช้ที่ดินที่ยืดเยื้อมานานให้กับคณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย

ล่าสุดเมื่อ วันที่ 11 มกราคม 2564 ที่ผ่านมามีประกาศราชกิจจานุเบกษาให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติใช้ที่ดินของรัฐจำนวน 150 ไร่ เพื่อใช้เป็นประโยชน์เป็นที่ตั้งพุทธมณฑลสมโภช 750 ปี เมืองเชียงรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

Leave a Reply