รายงานพิเศษ : ส่องท่าทีทำนองการขยับพรรคชาวพุทธ “พรรคแผ่นดินธรรม”

           ช่วงนี้หากท่านใดติดตามสถานการณ์การเมือง สถานการณ์พระศาสนา คงทราบว่า ทั้งการเมือง และการพระศาสนา ร้อนแรงไม่แพ้กัน เรื่องพระศาสนา “กรรมกำลังไล่ล่ารัฐบาลประยุทธ์” กรณีไปจับกุมพระขังคุก ล่าสุดกรณี อดีตพระพรหมดิลก และพระเลขาศาลคดีอาญาทุจริตมีคำสั่ง “คดีสิ้นสุด” เพราะอัยการไม่อุทธรณ์

            แต่วิบากกรรมของพระคุณเจ้าก็ยังไม่หมด เพราะยังมีอีก 1-2 คดีค้างคาอยู่ อันนี้ก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลคงว่าไปกันตามหลักฐาน

            แต่ชื่อเสียงด้านลบจากชาวพุทธของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คงซ้ำรอย “จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์” ยังหลีกเลี่ยงมิได้

            และอาจเป็นไปได้..อนาคตเราอาจได้ยินเสียงว่า “กูอยากไปขมาพระคุณเจ้า กูไม่นึกเลยว่าพระผู้ใหญ่จะใช้เล่ห์สิ้นได้ขนาดนี้” 

            เหมือนที่ แสวง อุดมศรี เคยบันทึกคำเปรยกับผู้ใกล้ชิดของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตอนป่วยบั้นปลายของชีวิตเอาไว้

            ส่วนฝั่งวัดสระเกศ..ก็กำลังลุ้น เพราะคดีความมีลักษณะคล้ายคลึงกัน

            ทิศทางลมเปลี่ยน…“การพระศาสนาก็สงบสุข สังคมสงฆ์ก็สงบนิ่ง”

แบบนี้ต้องร้องอุทานว่า “คุณพระช่วย”

         แต่เรื่องของกรรมนั่นใครก่อไว้ ใครมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง เข้าไปทำร้ายพระผู้บริสุทธิ์ผลมัน “ยิ่งกว่ากฎหมาย” ตายทั้งเป็น

            ส่วนการเมือง “ม๊อบยุวชนปลดแอกหรือม็อบราษฎร” ก็ยังคงตามรังควานรัฐบาลอยู่เรื่อย ๆ  แต่มีคนบอกว่า “หากพุ่งเป้าที่รัฐบาลประยุทธิ์” ไปนานแล้ว

            แต่นี้ทะลุเพดาน.. “สังคมส่วนใหญ่ ยังไม่ตอบรับ”  จึงได้แค่ป่วนอยู่แบบนี้

# พรรคแผ่นดินธรรมตัวแทนพรรคชาวพุทธ “เริ่มขยับ”

 

        พรรคแผ่นดินธรรมเริ่มแรกมาจากสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย โดยกลุ่ม “นักบวช” เก่าสายมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง ทั้ง ศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ,กรณ์ มีดี, ที่ตั้งสาขาและเดินสายทุกภูมิภาค ทุกจังหวัด สุดท้ายตั้ง “พรรคแผ่นดินธรรม”

            เป้าหมายก็เพื่อ หนึ่ง ป้องป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา สอง อุปถัมภ์และส่งเสริมพระพุทธศาสนา และ สาม ใช้หลักศีลธรรม ปกครองประเทศ

         เลือกตั้งครั้งล่าสุดชูนโยบาย “ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ,ธนาคารพุทธ” หรือ

ปฏิรูปสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตั้งศาลสงฆ์เพื่อพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับพระธรรมวินัย และออกกฎหมายให้พระสามารถเสนอหรือค้านกฎหมายละค้านผู้มาดูแลงานเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาได้

                 สุดท้าย “เป๊ก..ไม่ได้เข้าสภาสักคน”

                หัวหน้าพรรค เลขา และกรรมการ ห่างหายจากหน้าสื่อและหน้าเพจพรรคไปนาน

               แต่ 2 -3 เดือนมานี้ ทั้งหัวหน้าพรรค กรณ์ มีดี และเลขาธิการพรรคพลากร เทศนำ “เริ่มขยับ” โพสต์เฟชบุ๊ค ถี่ขึ้น บ่อยขึ้น “เริ่มสื่อสาร” กับชาวพุทธและมวลสมาชิกพรรคมากขึ้น

 

            อย่างล่าสุดเลขาธิการพรรคพลากร เทศนำ  โพสต์สื่อสารกับชาวพุทธและสมาชิกของพรรคว่า

          “เพื่อนพ้องน้องพี่ ยังอยู่ในใจเสมอ ขอบพระคุณแทนพี่น้องที่รักและเทิดทูนพระพุทธศาสนาทุกคน”

            ครบรอบหนึ่งปีเศษ ที่พรรคแผ่นดินธรรม พรรคชาวพุทธได้อุบัติขึ้น เป็นครั้งแรกของทุกคนที่ลงสู่สนามการเมือง ช่วงนี้ของปีที่แล้ว เป็นช่วงของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ ผมเป็นหนึ่งในแกนนำพรรคต้องลงพื้นที่ทุกๆเขต ทั่วประเทศที่พรรคส่งผู้สมัคร สรุปคือทั่วประเทศครบทุกภาค 146 เขต เกือบจะครบทุกจังหวัด

           ผมเดินทางไปพบพี่น้องเพื่อนร่วมอุดมการณ์ แทบจะทุกที่ลงไปพื้นที่ด้วยมือเปล่าๆ ไม่มีอะไรไปฝากเพื่อนผมที่ลงรับสมัคร ส.ส.ในนามพรรคเลย ซึ่งต่างจากพรรคอื่นราวกับฟ้ากับเหวไปพบกัน ไปช่วยกันด้วยหัวใจ ด้วยความจริงใจ ผมพูดกับเพื่อนๆ ทุกครั้งที่ลงไปพื้นที่ ผมกราบหัวใจของทุกคนที่เสียสละ ทำงานด้วยอุดมการณ์ ด้วยความมุ่งมั่น เสียสละ ที่สำคัญด้วยจิตสำนึกของขาวพุทธ

           ผมนึกถึงเวลาที่ผมลงพื้นไปพบกับเพื่อนพ้อง เหมือนกับแม่นกแม่กาที่บินจากรังออกไปหาเหยื่อ เพื่อเอามาเลี้ยงลูกน้อย แต่เมื่อบินกลับมาถึงรังไม่มีอาหารมาฝากลูกๆที่กำลังหิวโหย ร้องกระจองอแง ต่างคาดหวังแม่จะมีเหยื่อมาฝาก ผมมีแต่มือเปล่าๆ และมีแต่คำปลอบโยน ปลอบใจให้กำลังใจเพื่อนๆ เพราะตัวแม้ตัวเองนั้นกว่าจะบินกลับมายังรังหาลูกๆได้ก็สะบักสะบอมแทบจะหมดแรงเช่นกัน จะอย่างไรก็แล้วแต่ เราก็ผ่านมาแล้ว และผ่านมาอย่างภาคภูมิใจ ว่าทุกคะแนนที่เราได้เป็นคะแนนที่บริสุทธิ์ เราจะไม่ละความเพียรพยายาม เราจะเดินหน้าต่อไป

           ตลอดเวลาของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งผมขับรถเอง วนทั่วประเทศตั้งแต่เหนือ อีสานจรดสามจังหวัดชายแดนใต้สุด ไม่ต่ำกว่าสองรอบในเวลา 45 วัน ค่ำไหนนอนนั่น

          ครบรอบสองปีของการเดินทางสายการเมือง ทั้ง ๆ ไม่ได้อยู่ในความคิดมาก่อนเลย อย่างที่เคยบอกเสมอว่าการจะทำงานเพื่อสร้างความมั่นคงให้เกิดกับพระพุทธศาสนานั้น นอกจากเราจะสร้างพุทธศาสนิกชนให้มีความเข้มแข็งแล้ว จะต้องมีตัวแทนทำหน้าที่เป็นปากเสียงและผลักดันออกกฎหมายปกป้องและคุ้มครองพระพุทธศาสนาในสภาด้วยจึงจะครบถ้วนสมบูรณ์

        ไม่ว่าจะมีอุปสรรค เพียงใดเราก็จะเดินหน้าทำงานตามอุดมการณ์ต่อไปด้วยความมุ่งมั่น ระลึกถึงเพื่อน พ้องน้องพี่ทุกคนครับ…

            เหลือเวลาอีกประมาณ 2 ปีกว่า ๆ การขยับและเดินสายของพรรคแผ่นดินธรรม เลือกตั้งคราวหน้าจะได้ครองใจชาวพุทธหรือไม่???  ซึ่งโจทย์หนึ่งที่อาจต้องแก้ คือ “ความเป็นศาสนานิยม” และอีกหลาย ๆ คำถามที่ชาวพุทธและพรรคแผ่นดินธรรม ต้องหาคำตอบ

              เช่น ประเทศไทยมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่ต้องมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ,ธนาคารพระพุทธศาสนาส่งผลดีต่อสังคมไทยและประเทศชาติอย่างไร ก่อตั้งแล้วจะขาดทุนเหมือนธนาคารอิสลามหรือไม่,การอยู่ร่วมกับคนต่างศาสนาท่าทีพรรคเป็นอย่างไร และรวมทั้งการดูแลกลุ่มชาวพุทธต่าง ๆ  ที่กระจัดกระจายต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างดิ้นรนกันอยู่แบบทุกวันนี้ ??

              และที่สำคัญพรรคแผ่นดินธรรมเอง ในการเลือกตั้งคราวหน้า คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2566  อาจจะต้องทบทวนนโยบาย วิธีหาเสียง การสร้างเครือข่าย ไม่ให้ซ้ำรอยการเลือกตั้งเมื่อคราวที่แล้วที่ได้คะแนนเสียงมาแค่หลักหมื่นต้น ๆ  ทั้งที่ชาวพุทธในประเทศนี้มีมากกว่า 60 ล้านคน

             เสียชื่อ..ความเป็นชาวพุทธและตัวแทนพรรคชาวพุทธหมด ??

Leave a Reply