“วิสาร-นิยม” รุดให้กำลังใจ “อดีตเจ้าอาวาสวัดมณฑป” หลังถูกปลดจากเจ้าอาวาส พร้อมสะกิดมีฝ่ายการเมืองแทรกแซงการสงฆ์

วัน 19 ส.ค.   64 เวลา 15.00 น. ที่วัดมณฑป เขตตลิ่งชัน นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ส.ส.เชียงราย พร้อมด้วย นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย  พร้อมคณะ เข้ากราบนมัสการ พระสมุห์อนันต์ โชติธมฺโม อดีตเจ้าอาวาสวัดมณฑป เพื่อให้กำลังใจหลังจากได้มีคำสั่งของเจ้าคณะแขวงบางระมาด-ฉิมพลี มีคำสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสและแต่งตั้งรักษาการทันที จากกรณีที่มีป้าย “ไม่รับเผาศพตำรวจ” โดยพระสมุห์อนันต์ เปิดเผยว่า จากที่อาตมาขึ้นป้ายไม่รับเผาศพตำรวจ เพื่อจะเป็นกุศโลบายให้ข้อคิดให้คนไทยที่กำลังมีประเด็นตำรวจและประชาชน ปะทะกันในเหตุการณ์ชุมนุม ทำให้เกิดการบาดเจ็บและเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศเมื่อมีการแพร่ภาพออกไป ในฐานะที่อาตมาเป็นพระสงฆ์ อยู่นิ่งไม่ได้ที่จะเตือนใจให้ประชาชนคนไทยด้วยกันไม่ควรมาทำร้ายกัน จึงได้ขึ้นป้ายดังกล่าวเพื่อเตือนใจประชาชนคนไทย แม้ในอดีตในสมัยพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ก็ยังทรงออกมาห้ามพระญาติแห่งเมืองกบิลพัสดุ์และเทวทหะ ที่เตรียมทำสงครามแย่งชิงน้ำในแม่น้ำโรหิณี ถือเป็นการเอาเกียรติยศมารบกันเพื่อเพียงแย่งน้ำกัน ภายหลังพระญาติต่างได้สติก็ยุติการรบ แล้วขอขมาซึ่งกันและกัน ภายหลังมีการนำเอาพระพุทธรูปปางห้ามญาติมาแสดงให้เป็นอุทาหรณ์ว่าไม่ควรทำร้ายกัน

        “ขณะนี้แม้หากคณะสงฆ์จะพิจารณาผลเป็นประการใด อาตมาก็พร้อมที่จะถวายชีวิตให้พระพุทธศาสนา การบวชมากว่า 30 พรรษาอาตมาถวายชีวิตให้พระพุทธเจ้าแล้ว คนเรามีขึ้นก็ต้องมีลงเป็นสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ในโลกธรรม 8 ประการ อาตมาไม่ได้ยึดติด ของทำงานต่อไปแม้เป็นพระลูกวัดก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการถือพรหมจรรย์แต่อย่างใด..”

        ในขณะที่ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ กล่าวว่า ตนได้ถือโอกาสมาให้กำลังใจ พระสมุห์อนันต์ เพราะทราบถึงเจตนาอันบริสุทธิ์ ทั้งนี้หากพิจารณาตามข้อกฎหมาย ทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญก็เขียนชัดว่าทุกคนควรมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น อีกทั้งการอ้างถึงความในข้อ 56 วรรค 1 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 นั้นก็ยังไม่เห็นถึงความร้ายแรงที่พระสมุห์อนันต์ จะละเมิดจริยาอย่างร้ายแรงตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ข้อ 55 แต่อย่างใด ซึ่งตนเห็นว่าควรให้ความเป็นธรรมกับพระสงฆ์ ที่ท่านมีความตั้งใจดีที่จะขึ้นป้ายให้คนไทยสมัครสมานสามัคคีกัน โดยนำป้ายมาเขียนเป็นกุศโลบาย ตนขอให้ผู้ถืออำนาจรัฐอย่าใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ เพราะตำรวจก็เป็นประชาชนคนไทยเหมือนกัน ไม่ควรออกคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและเกิดการบาดเจ็บล้มตายกันในระหว่างคนไทยด้วยกัน

         “ภายใน 2-3 วันนี้ ตนจะขอคุยกับสำนักงานพระพุทธศาสนาที่จะเข้ามาพบ กมธ. พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2565 ที่ตนเป็นกรรมาธิการอยู่ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงต่อไป..”

         ทางด้าน นายนิยม เวชกามา กล่าวเพิ่มเติมว่า เพียงพระขึ้นป้าย “ไม่รับศพตำรวจ” มันเป็นความผิดขั้นร้ายแรงถึงขนาดที่ต้องปลดอย่างเร่งด่วนพร้อมกับต้องรีบตั้งรักษาการเจ้าอาวาสทันทีเลยหรือ? หรือว่ามีใบสั่งจากใคร? เรื่องนี้ตนขอถามไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ถวายการคุ้มครองพระสงฆ์และนายกรัฐมนตรี ว่าความผิดเพียงคำพูดหรือมีป้ายซึ่งไม่ใช่เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ฆ่าคนตายหรือฆ่าข่มขืน ทำไมถึงลงโทษถึงขั้นรุนแรงด้วย ซึ่งตนได้ไปสืบมาแล้วว่า มีการวิ่งเต้นจากฝ่ายการเมืองที่แทรกแซงการทำงานของพระสงฆ์ ที่ตั้งเป้าถึงขั้นปลดจากตำแหน่งเจ้าอาวาสอย่างถาวร จากกรณีดังกล่าวตนเห็นถึงภัยของวงการสงฆ์ ที่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองที่จะปลดตำแหน่งนั้น จับสึกตำแหน่งนี้ ด้วยการที่พระท่านแค่มาเตือน ตนนึกถึงเหตุการณ์นี้แม้ในสมัยรัชกาลที่ 4 ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ท่านก็เคยจุดคบเพลิงกลางวันเพื่อให้สติเลยถูกปลดจากตำแหน่งเช่นกัน

       ” ตนขอให้คณะสงฆ์ที่เป็นคณะกรรมการพิจารณาขอให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ขออย่าให้มีการทำลายพระสงฆ์ด้วยกลุ่มคนที่ถืออำนาจรัฐ มาบีบให้คณะสงฆ์ต้องทำอย่างนั้นทำอย่างนี้เลย ทั้งนี้ตนจะตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วย..” นายนิยม กล่าว

Leave a Reply