ผู้แสวงบุญฮัจญ์กว่า 500 คน ถูกบริษัทลอยแพที่ซาอุฯ

วันที่ 16 ก.ค. 66  ผู้สื่อข่าวได้การร้องเรียนกรณีผู้ประกอบการเป็นบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดยะลา นำผู้แสวงบุญฮัจญ์ไปประเทศซาอุดีอาระเบีย ในช่วงฤดูกาลฮัจญ์ ประจำปีฮิจเราะห์ 1414 จำนวนกว่า 500 คน แต่กลับถูกลอยแพไม่ได้รับการดูแลด้วยดีตามที่ได้ตกลงกันไว้ ทั้งในเรื่องอาหารการกิน และสภาพความเป็นอยู่ ซึ่งบริษัทได้ตกลงกันไว้กับ “แซะห์” (ตัวแทนบริษัทที่เปรียบเหมือน “หัวหน้ากรุ๊ปทัวร์”) และผู้แสวงบุญตั้งแต่ต้น โดยได้เสียค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 2.7 แสนบาทต่อคน

โดยฮุจญาจ หรือผู้แสวงบุญฮัจญ์ดังกล่าวถูกนำไปพักในสถานที่ห่างไกลจากมัสยิดฮารอมมักกะห์ที่เป็นเป้าหมายหลัก และไม่ได้รับการดูแลในเรื่องอาหารการกิน จึงอยากเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรมจากกรณีดังกล่าวอย่างจริงจัง ต้องไม่ปล่อยให้ผู้ประกอบการลักษณะนี้ลอยนวล

ซึ่งผู้แสวงบุญกลุ่มนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนมีจำนวนกว่า 500 คน บางคนที่มีเงินก็ร่วมกันไปหาที่อยู่กันเอง ขณะเดียวกัน มีบางกลุ่มไม่กล้าที่จะออกมาเรียกร้อง จึงทำให้มีผู้ที่ลงชื่อออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมมีแค่ 21 คน

ในส่วนของเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบข้อมูลแล้ว พร้อมพยายามหาแนวทางและเจรจากับบริษัท แต่ล่าสุดทางคณะที่เดือดร้อนยืนยันว่า ปัญหายังไม่มีใครมาช่วยเหลือใดๆ มีแต่เจ้าหน้าที่ขอข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น

โดยหนึ่งในคณะผู้แสงบุญฮัจญ์ที่ถูกลอยแพ กล่าวว่า เจอปัญหามาตั้งแต่วันแรกจนถึงขณะนี้ ทั้งที่เราและแซะห์ได้จ่ายเงินให้ผู้ประกอบการ คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัดอาบูฮานาน แทรเวิล ครบทั้งหมดแล้ว เราออกเดินทางเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 จากสนามบินหาดใหญ่ มาอยู่ตรงนี้ห่างจากมักกะห์กว่า 1 กิโลเมตร ทำให้ไม่สามารถประกอบพิธีตามสมควร อีกทั้งไม่ได้ดูแลอาหารการกิน ทำให้รู้สึกไม่เป็นธรรม ถูกเอาเปรียบจากบริษัท อาบูฮานาน แทรเวิล จึงอยากขอความช่วยเหลือจากภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือโดยด่วน ให้พวกเราได้ไปพักใกล้มักกะห์ตามที่บริษัทเคยแจ้งไว้ (ระบุใน ID Card)

ถึงแม้บริษัทจะระบุว่า อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นโรงแรม 3-5 ดาว หรือเทียบเท่า แต่ตึกที่พักจริงนั้นไม่ได้มาตรฐานตามกำหนด ไม่ถูกสุขลักษณะ และทางเดินเข้าโรงแรมเป็นทางขึ้นเนิน รถวิ่งสวนไม่ได้ แม้แต่จะใช้รถวีลแชร์ก็ลำบาก และระยะทางถึงมัสยิดอัลฮะรอม ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งหากเดินเท้าต้องใช้เวลาไปกลับชั่วโมงกว่า ทำให้ฮุจญาตที่อายุเยอะ 60-84 ปี ต้องละหมาดบริเวณที่พักเท่านั้น ไม่สามารถเดินทางไปละหมาดที่มัสยิดได้ตามสมควร

ตอนนี้ทุกคนนอนร้องไห้ทุกคืนเพราะสิ่งที่บริษัทได้กระทำ ทั้งที่ได้จ่ายเงินให้บริษัทครบ ปัญหาคือ บริษัททิ้งเรา ปล่อยให้เรามาลำบากไม่สามารถไปมักกะห์ได้ตามที่ควร ทุกคนไม่ได้เรียกร้องอะไรไปมากกว่าสิทธิที่สมควรจะได้รับตามที่คุยไว้ ฮุจญาตบางคนไม่ได้รวย เก็บเงินทั้งชีวิต บางคนขายที่ดินเพื่อมาบ้านของพระเจ้าเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์

ทางด้าน นายอดุล ประเสริฐดำ ผู้ช่วยแซะห์ กล่าวว่า ผมก็งงเหมือนกันที่โปรแกรมตลอดการเดินทางไม่ได้เป็นไปตามที่บริษัทแจ้งไว้ตั้งแต่ต้น วันแรกพวกเรามาอยู่ตรงนี้ พอมาถึงวันที่ 3 อาหารเราหมด ยังงงในสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนได้ย้ายไปใกล้มักกะห์ แต่เราไม่ได้ย้ายไม่รู้ว่าเพราะอะไร นี่ใกล้จะได้กลับแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงต่อไป

การไปมัสยิดเป็นเรื่องใหญ่ต้องใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่า บางคนอายุมาก บางคนขายที่ดินมา อยากได้สิทธิตามที่บริษัทได้คุยกับแซะห์ไว้ คนที่เดือดร้อน 280 คน แต่ที่กล้าออกมาร้องเรียนมีแค่ 21 คน แซะห์จ่ายเงินให้บริษัทครบหมดแล้ว ตอนนี้ทุกคนยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ พวกเรายังรอการช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน จากรัฐบาล จากทุกคน ขอได้โปรดช่วยเหลือพวกเราทุกคนที่นี่ด้วย

ทางด้านเจ้าหน้าที่จังหวัดยะลารายหนึ่ง กล่าวว่า บริษัทนี้มีปัญหาก่อนเดินทางแล้ว เขามีทั้งหมด 548 คน ค้างค่าเครื่องบิน 11 ล้านบาท กว่าจะได้บินต้องเคลียร์ปัญหาจนวินาทีสุดท้าย คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรอีก แต่รู้สึกตกใจที่ได้มาทราบว่าผู้แสวงบุญกลุ่มนี้ถูกลอยแพ ตอนนี้มีความพยายามประสานงานกับหลายภาคส่วนให้มาดูแลช่วยเหลือ

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

Leave a Reply