คณะสงฆ์-มหาดไทย จับมือขับเคลื่อนโครงการ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก

วันนี้ 8 ต.ค. 66 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้จัดให้มีการแถลงข่าวการดำเนินโครงการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก ณ บริเวณข่วงเมืองน่าน (ข่วงน้อย) ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน โดยได้รับความเมตตาจาก พระชยานันทมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง ร่วมพิธี นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นประธานการแถลงข่าว นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางบุญจิรา เจริญศักดิ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดน่าน นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ประชาชนในพื้นที่ ร่วมงานแถลงข่าว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2548 เห็นชอบประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน และเห็นชอบแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่าน ส่วนหนึ่งของแผนแม่บทกำหนดให้ย้ายส่วนราชการออกจากพื้นที่ใจกลางเมือง และปรับปรุงการใช้พื้นที่อาคารส่วนราชการเพื่ออนุรักษ์คุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมืองน่าน พัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวในอดีต และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มีภูมิทัศน์ที่เป็นระเบียบสวยงาม และต่อมาในปี 2558 จังหวัดน่านได้ย้ายศาลากลางจังหวัดไปยังศูนย์ราชการจังหวัดแห่งใหม่ ทำให้ศาลากลางจังหวัดหลังเก่าไม่ได้ใช้ประโยชน์จนทุกวันนี้ ทำให้เกิดปัญหาในด้านการดูแลรักษา และไม่มีหน่วยงานใดสามารถที่จะพัฒนาพื้นที่ศาลากลางหลังเก่าให้เกิดการใช้ประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนตลอดจนนักท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มมูลค่าและอนุรักษ์คุณค่าให้คงอยู่คู่กับกลิ่นไอของเมืองน่านเดิมได้

“กระทรวงมหาดไทยมองเห็นศักยภาพและความพร้อมของมูลนิธิรักษ์ป่าน่าน ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงได้เชื้อเชิญให้มาร่วมบริหารจัดการโครงการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน และแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก โดยที่ผ่านมาได้จัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจังหวัดน่าน โดยมีประชาชนที่มาร่วมแสดงความคิดเห็น “เห็นด้วย” ถึงร้อยละ 92 และต่อมา เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2565 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติรับทราบและเห็นชอบการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าว และวันที่ 14 กันยายน 2566 กระทรวงมหาดไทยจึงลงนามสัญญาอนุญาตให้มูลนิธิรักษ์ป่าน่านฯ นำโดยนายบัณฑูร ล่ำซำ รองประธานกรรมการมูลนิธิรักษ์ป่าน่านฯ เป็นประธานร่วมและลงนามในสัญญาอนุญาต โดยมี นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการมูลนิธิกสิกรไทย นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน ในครั้งนั้นด้วย” นายสุทธิพงษ์ กล่าวฯ

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่โครงการฯ ภายหลังจากการปรับปรุงพื้นที่และก่อสร้างแล้วเสร็จ จะมีอาคารและลานเรียนรู้ต่าง ๆ ได้แก่ หอศิลปวัฒนธรรม อาคารหอประชุมอเนกประสงค์ อาคารบริการ สวนพฤกษศาสตร์และลานกิจกรรม จะไม่มีการเก็บค่าใช้บริการ ค่าสมาชิก ค่าเข้าร่วมกิจกรรม ค่าประชุม หรือค่าตอบแทนอื่น ๆ จากผู้ใช้บริการใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่มีการนำพื้นที่ทั้งหมดหรือบางส่วนให้บุคคลอื่นใช้ประโยชน์ส่วนตน รวมถึงไม่มีการปล่อยเช่าพื้นที่ว่างเปล่า เพื่อให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่จะช่วยยกระดับองค์ความรู้ของพี่น้องประชาชนจังหวัดน่านอย่างแท้จริง และจะเป็นสถานที่อันทรงคุณค่าที่สำคัญของประเทศไทยสืบต่อไป

ด้านนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้กล่าวถึงขั้นตอนการรื้อถอน และมาตรการการดูแลผลกระทบจากการรื้อถอน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้สำนักงานจังหวัดน่าน และสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดน่าน ประสานงานและดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ กฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยพื้นที่โครงการฯ อยู่ในที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน ที่ นน 405 (บางส่วน) ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน เนื้อที่ประมาณ 9 ไร่ 1 งาน 11 ตารางวา โดยมีวัสดุที่เกิดจากการรื้อถอนแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1) ทรัพย์สินที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อาทิ องค์พญาครุฑ ป้ายศาลากลางจังหวัดน่าน แผ่นจารึก ป้ายทำเนียบรายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน จะทำบัญชีและมีคณะกรรมการร่วมตรวจสอบ เพื่อนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ต่อไป 2) ทรัพย์สิน/วัสดุที่ยังนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้ และ 3) ทรัพย์สิน/วัสดุ ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ จะรื้อถอนอาคารศาลากลางจังหวัดน่าน (หลังเก่า) และสิ่งปลูกสร้างเดิมออกทั้งหมด ทั้งที่อยู่เหนือพื้นดินและอยู่ใต้ดิน สอดคล้องกับรายงานโครงการรับฟังความคิดเห็นประชาชนฯ เมื่อเดือนกันยายน 2565 ฉบับสมบูรณ์ โดยจะรื้อถอนให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน นับจากวันที่ได้รับอนุญาตให้เข้าใช้พื้นที่โครงการ

พระชยานันทมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแช่แห้ง ได้เจริญพรถึงข้อมูล ความคิดเห็นของภาคประชาชนที่มีต่อโครงการฯ ว่ามีขั้นตอนการดำเนินการอย่างถูกต้อง เป็นความร่วมมือร่วมใจระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ขอให้มูลนิธิรักษ์ป่าน่านฯ ที่มีความพร้อม มีศักยภาพ และสามารถดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดไว้ เพื่อร่วมกันทำให้สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน จะเป็นสถานที่ศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งความหลากหลายทางศิลปะ วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม และส่งเสริมการเรียนรู้ในสรรพวิชาการต่าง ๆ ทั้งพุทธศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รัฐศาสตร์ เป็นต้น จึงขออนุโมทนาในความตั้งใจดำเนินการของภาครัฐ ภาคประชาชน ภาคเอกชน อันจะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อจังหวัดน่านสืบไป

Leave a Reply