ปลัด มท. เปิดงานภาพเขียน “มองกรุง” ชื่นชมผลงาน อ.พรชัย เลิศธรรมศิริ ศิลปินผู้มีจิตอาสา

วันที่ 16 พ.ย. 66 เวลา 16.00 น. ที่ 1559 Gallery ถ.พระราม 4 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดนิทรรศการภาพเขียน “มองกรุง” โดย อ.พรชัย เลิศธรรมศิริ ศิลปินอิสระ โดยมีศิลปินและภาคีเครือข่าย อาทิ อ.มานิตย์ นิเวศน์ศิลป์ ประธานกลุ่มศิลปินไฮไลน์ รศ.ดร.สาธิต ทิมวัฒนบรรเทิง อาจารย์ประจำสาขาวิชาศิลปะจินตทัศน์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ อ.นฤวร ปันยารชุน ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Hobby House อ.วราภรณ์ ทวีสิน อ.ฉวีวรรณ ฮันตระกูล อ.นงนาถ จิรกิติ อ.รัตนาวดี เสนาดิสัย อ.จุไรทิพย์ พลชัย อ.วรรณภา ศรีสมบูรณ์นนท์ อ.จารุรัตน์ จินดาประเสริฐ อ.อัยมัญช์ ไอยรากุลวัฒน์ อ.ไพบูลย์ โกสุมขจรเกียรติ์ อ.ไพศาล มีสุนทร ร่วมงาน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีและดีใจที่ได้มาพบกับเหล่าบรรดา “ศิลปินพู่กันสัญจร” ที่ล้วนแล้วแต่เป็นศิลปินผู้มีจิตอาสาที่มากฝีมือ ซึ่งเราได้รู้จักกันมาเป็นเวลาหลายปีตั้งแต่ตนดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ก็ได้มีโอกาสชื่นชมผลงานของศิลปินทุกท่านที่ประจักษ์ชัดถึงสุดยอดผลงานอันทรงคุณค่าที่ถูกถ่ายทอดและจัดแสดงในหลากหลายโอกาส ซึ่งผลงานของทุกท่านต่างเกิดจากการรังสรรค์พรรณนาถึงสถานที่และวิถีชีวิตของคนไทยในมิติและเทคนิคสีต่าง ๆ เช่น เมื่อปี 2551- 2552 ตนดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ในขณะนั่งดื่มกาแฟที่ตลาดน้ำอัมพวา พบว่ามีพี่น้องชาวบ้านเช่าบ้านริมน้ำอาศัยและทำมาหากินเป็นวิถีชีวิต ในช่วงตลาดน้ำเริ่มจะบูมขึ้น “อ.พรชัย เลิศธรรมศิริ” ก็ไปช่วยสอนเด็ก สอนชาวบ้านวาดรูป สร้างสีสันด้วยสีน้ำ ทั้งรูปแมว รูปเรือในคลองดำเนินสะดวก ซึ่งตนก็ได้ร่วมสนับสนุนผลงานและชื่นชมมาจนถึงทุกวันนี้

“จากการพบกันวันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้น และทำให้ได้ทราบว่า อ.พรชัย คือ “ศิลปินจิตอาสา” โดยเมื่อตนย้ายไปดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ในปี 2552 – 2553 และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ท่าน อ.พรชัย และคณะ ก็ได้นำทีมพู่กันสัญจรมาช่วยวาดภาพการกุศล และตนได้ริเริ่มก่อตั้ง “หอศิลป์จังหวัดนครนายก” โดยการใช้อาคารเก่าซึ่งเป็นบ้านของนายมงคล ศรียานนท์ (น้องชาย พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์) ภายในศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก ซึ่งจุดเริ่มต้นของความสนใจในการตั้งหอศิลป์จังหวัดนครนายก เกิดจากการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีแนวพระราชดำริและพระราชทานแนวทางเป็นพระราโชวาทเอาไว้ว่า อยู่ที่ไหน ก็ต้องศึกษาประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองที่เราไปอยู่ เราเกิดที่ไหน ไปทำงานที่ไหน ก็ต้องหาโอกาสที่จะศึกษา ไม่ใช่เพียงเพื่อเป็นความรู้เพียงอย่างเดียว เราเป็นข้าราชการ เราต้องทำให้พี่น้องประชาชนในบ้านเมืองนั้นเกิดความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของเขาด้วย เพราะเป็นรากเหง้าของชาติกำเนิด และทำให้ได้ช่วยกันสืบทอดต่อไป ซึ่งพวกเราเองก็ต้องอย่าลืมรากเหง้าของตน และอย่าละเลยความสำคัญของความเป็นมาของถิ่นที่เราไปอาศัย โดยในหอศิลป์ฯ ได้มีการจัดนิทรรศการถ่ายทอดภาพสะท้อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เขาทุเรียน เขาฝาละมี เขาชะโงก ซึ่งเป็นเทือกเขาเดียวกันทั้งหมด ซึ่งเป็นสถานที่ ๆ เราได้ต้อนรับทหารญี่ปุ่น จากการศึกษาทำให้ทราบว่ายังมีโครงกระดูกของทหารต่างชาติทางตะวันตกและทหารญี่ปุ่นอยู่ที่บริเวณเขาทุเรียน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเน้นย้ำว่า อ.พรชัย เลิศธรรมศิริ และศิลปิน “ทีมพู่กันสัญจร” ศิลปินผู้เป็นประชาคมเพาะช่าง ที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนแต่เป็นศิลปินที่มีจิตใจงดงามที่ทำให้เราได้รับรู้ว่า “ศิลปะไม่เพียงช่วยทำให้โลกสวยงาม แต่ยิ่งกว่าทำให้โลกสวยงาม เพราะศิลปะทำให้จิตใจคนทุกคนดีงามและเติบใหญ่เป็นคนดี” ศิลปินที่วาดรูปมูลค่าหลายล้านไม่ได้จะเก่งกว่าศิลปินที่วาดรูปไม่คิดมูลค่า หรือรูปหลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น เพราะ “คุณค่าที่กลั่นจากใจ คือ คุณค่าที่ช่วยให้โลกเราสวยงามได้” ด้วยเพราะมวลมนุษยชาติที่มีโอกาสเสพงานศิลปะของศิลปินผู้มีจิตใจสวยงามก็จะมีจิตใจที่สวยงามไปด้วย

“นิทรรศการภาพเขียน “มองกรุง” วันนี้ สะท้อนให้เห็นว่า “โลกเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” เมื่อเวลาเปลี่ยน ศิลปินก็เปลี่ยน ใจในการวาดรูป จินตนาการสร้างสรรค์งานที่แปลกใหม่ แม้จะทำให้เราซึ่งเป็นคนเสพแปลกใจ แปลกตา แต่ผลงานเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เราหลงใหล ชื่นชอบ และชื่นชม ด้วยความรักและผูกพันกับงานศิลปะของศิลปินมายาวนาน ซึ่งงานวันนี้ที่ได้มาชื่นชมนอกจากเป็นมิติใหม่ที่ไม่เคยเห็นท่าน อ.พรชัย วาดแล้ว ในแต่ละภาพก็ทำให้มีคำถามในใจที่ชวนคิดมากมาย เช่น ภาพพื้นสีดำขาวและมีตึกปลาหมึกริมสะพานพระราม 9 ก็ทำให้จินตนาการความหมายต่าง ๆ นานา ทั้งมิติความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองในเขตราษฎร์บูรณะ รวมถึงภาพแสงสียามค่ำคืนของกรุงเทพฯ จาก bird eye view ที่ อ.พรชัย ได้รังสรรค์มาให้เราชื่นชม ทำให้นึกถึงผลงานวรรณกรรมรวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ แต่สิ่งที่แน่นอน คือ รูปภาพเหล่านี้ล้วนเกิดจากการถ่ายทอดผลงานด้วยความรักที่เหนียวแน่นอยู่บนพื้นฐานความเสียสละของศิลปินที่ได้ช่วยเหลือสังคม จึงขอเชิญชวนทุกท่านได้มาร่วมชมนิทรรศการภาพเขียน “มองกรุง” ที่ 1559 Gallery ถ.พระราม 4 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 นี้” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน อ.มานิตย์ นิเวศน์ศิลป์ ประธานกลุ่มศิลปินไฮไลน์ กล่าวว่า นิทรรศการภาพเขียน “มองกรุง” ของ อ.พรชัย เลิศธรรมศิริ เขียนจากแรงบันดาลใจ เป็นวิถีชีวิตคนกลางคืน ซึ่งเป็นงานยาก เรื่องแสง สี เสียง เป็นภาพที่สื่อได้ดี เป็น drawing ด้วยสีที่โดดเด่น น่าประทับใจมาก ซึ่งผู้ชื่นชอบในผลงานศิลปะสามารถแวะเวียนมาร่วมให้กำลังใจ อ.พรชัย กันได้

ขณะที่ รศ.ดร.สาธิต ทิมวัฒนบรรเทิง กล่าวว่า ขอขอบคุณท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้หลงใหลในงานศิลปะและให้การสนับสนุนศิลปินจิตอาสามาโดยตลอด ท่านชอบดูแลศิลปินชายขอบ (Marginalized Artist) ที่ไม่ได้อยู่ในกระแสรางวัล ทั้งนี้ วงการศิลปะ เราเรียนรู้คน นิสัยใจคอ วิธีการทำงาน วิถีชีวิตของคน ซึ่งท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย สะท้อนความเป็นผู้มีสไตล์ไทย ๆ ซึ่งหลายครั้งที่ได้สัมผัสวิธีการทำงานของท่าน และจากการติดตามข้อมูลข่าวสาร ทำให้มั่นใจว่าท่านคือ Thai Style อย่างแท้จริง เป็น Soft Power ของคนไทยที่มีอยู่ในสายเลือด

“สำหรับ อ.พรชัย เลิศธรรมศิริ ผมนึกถึงสมัย Art Swing เมื่อปี 2535 อ.พรชัย ส่งงานกาแฟ เอากาแฟมาวาด และเขาดำเนินชีวิตแบบอิสระ (โดดเดี่ยว รันทด แห้งเหี่ยว ไร้ซึ่งเงินตรา) มาวันนี้ เขามีงานชุดใหม่ ด้วยพลังศรัทธาของความเป็นคนอิสระ ที่มีมนต์ขลัง จึงขอชื่นชมการดำรงตนที่เป็นตัวตน และขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมชมผลงานนิทรรศการภาพเขียน “มองกรุง” ในครั้งนี้” รศ.ดร.สาธิตฯ กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน อ.พรชัย เลิศธรรมศิริ ศิลปินอิสระ เจ้าของผลงาน เปิดเผยว่า “มองกรุง” แสงสีบันดาลใจ แสงไฟยามราตรี ภาพสะท้อนจินตนาการ บนทางด่วนที่ทอดยาว ความงามระหว่างทาง แสงสว่างในยามกลางวันส่องให้เห็นความต่างที่ถูกหลบซ่อนอยู่ตามเงาตึกในเมืองใหญ่ เสน่ห์หลากมิติถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยแสงสีในยามกลางคืน ความงามเหล่านี้ถูกบอกเล่าเรื่องราวผ่านภาพเขียนจิตรกรรมชุด “มองกรุง” ที่สะท้อนเส้นสายอันซับซ้อนของกรุงเทพฯ จากความทรงจำ การได้สัมผัสและเห็นความเปลี่ยนแปลงของวัตถุ สถาปัตยกรรมในบ้านเมืองที่ถูกแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา สีสันบนท้องถนน ซอกซอยที่ซับซ้อน แม่น้ำที่ไหลผ่านมหานคร นิทรรศการนี้จะนำพาให้ทุกท่านได้จินตนาการจากการ “มองกรุง” ในประสบการณ์ที่ต่างออกไปจากเดิม เต็มอิ่มไปด้วยสีสันยามกลางวันและกลางคืน มนต์เสน่ห์จากพื้นที่ใจกลางมหานคร

“ความรู้สึก สัมผัส มองเห็น ทางด่วนที่ทอดยาว ตึกสูง อาคารชับซ้อนดั่งเส้นสาย ค่ำคืน สี แสงเปล่งประกายระยิบระยับดั่งแสงหิ่งห้อยในเมืองกรุง หนึ่งในแรงบันดาลใจสร้างสรรค์ผลงานชุด “มองกรุง”” อ.พรชัยฯ ถ่ายทอดเพิ่มเติม

Leave a Reply