“เจ้าคุณหรรษา” มอบสติ “พระภิกษุ-คฤหัสถ์” เกี่ยวกับ “การทอดกฐิน” เตือนอย่าแปรเจตนารมณ์พระพุทธเจ้า

วันที่ 21 ก.ย. 66  เฟชบุ๊ค Hansa Dhammahaso หรือ “พระเมธีวัชรบัณฑิต”  (หรรษา ธมฺมหาโส ปธ.6,ศ.ดร.) เจ้าอาวาสวัดใหม่ (ยายแป้น) กรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หลังจากมีเพจบางเพจ ซื่้อโฆษณาเชิญชวนให้ชาวพุทธทอดผ้ากฐินเข้าข่ายทำนองว่า..พระภิกษุจำพรรษาในวัดรูปเดียวก็สามารถทอดกฐินได้ โดยนิมนต์พระภิกษุจากวัดอื่นมาร่วม เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ พระเมธีวัชรบัณฑิต ได้โพสต์อธิบายว่า…ภิกษุรูปเดียวรับผ้ากฐินทางตรงไม่ได้ ภิกษุรูปเดียวสามารถอัพเกรดผ้าจีวรเป็นผ้ากฐินได้

พูดเอาไว้ตรงนี้ เพราะต้องการเตือนพระ หรือญาติโยมที่กำลังแปรเจตนารมณ์พระพุทธเจ้า และเหล่าพระอรรถกถาจารย์ผิดคิดไปว่าพระภิกษุรูปเดียวก็สามารถไปรับกฐินได้ จึงพากันโพนทนาว่าเชิญชวนกันว่า มาเถิดพวกเราไปทอดผ้ากฐินแก่ภิกษุผู้จำพรรษารูปเดียวกันเถิด

ประเด็นนี้ หลวงพ่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ท่านระวังในการใช้คำในการอธิบายมาก ท่านชี้ว่า “พระภิกษุจำพรรษาอยู่รูปเดียว เป็นเจ้าของผ้าที่ถวายแก่สงฆ์ ที่นั่นทั้งหมด และเธอจะกรานกฐินได้ เมื่อมีพระภิกษุมาประชุมกันเป็นสงฆ์ รวมเธอด้วยครบ 5 รูป”

จะเห็นว่าถ้ามองเจตนารมณ์ของพุทธองค์จากพระไตรปิฏก และอธิบายความเพิ่มเติมจากอรรถกถาจนมาถึงหลวงพ่อสมเด็จฯ ตามนัยที่ปรากฏในจีวรักขันธกะ ยืนยันในทิศทางเดียวกันว่า “ผ้าจีวร” ไม่ใช่ผ้ากฐิน ทรงมุ่งจะอนุเคราะห์พระภิกษุจึงอัพเกรดผ้าจีวรให้เป็นผ้ากฐิน เพื่อจักได้รับอานิสงส์กฐิน

ต้นทางของเรื่องราวทั้งหมด เป็นผ้าจีวรที่โยมตั้งใจถวายแก่สงฆ์มิใช้ผ้ากฐิน พระพุทธเจ้าย้ำว่า เราเรียกเจตนาว่าเป็นกรรม (เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ) ถ้าญาติโยมแปรเจตนาพระพุทธเจ้าผิดก็นับเป็นบาปกรรมชั้นหนึ่ง แล้วยิ่งคิดและปฏิบัติผิดโดยไม่ทราบ หรือมีเจตนาแอบแฝงด้วยการเริ่มเชิญชวนว่า เราจะถวายผ้ากฐินแก่พระรูปเดียว และเชิญชวนผู้คนจัดพิธีทอดกฐิน อันนี้ เริ่มต้นเจตนาก็ผิดแล้ว กฐินจึงไม่เป็นกฐิน และอาจจะพาลให้คนรับกฐินกลายเป็นหมันไปอีกโสตหนึ่ง

อย่างไรก็ดี ในเจตนานั้นรับรู้ตั้งแต่ต้นว่า พระภิกษุในวัดท่านมีจีวรเก่าคร่ำคร่าเต็มทน เราคนเดียว หรือญาติมิตรตั้งใจนำจีวรไปถวายสงฆ์เป็นสังฆทาน แล้วก็กลับบ้านไปทำมาหากินต่อไป ส่วนพระภิกษุรูปนั้น ถ้าจะเปลี่ยนจีวรใหม่ก็ได้ แต่ถ้ามุ่งจะรับอานิสงส์กฐินไปถึงกลางเดือน 4 ก็นิมนต์พระภิกษุมาให้ครบ 5 รูปเพื่อรับทราบการกรานผ้าจีวรเป็นผ้ากฐินก็ได้

หวังใจว่า พระภิกษุที่มิได้จำพรรษาในวัดนั้นๆ รวมถึงญาติโยมจะไม่เข้าใจผิด หรือแปรเจตนารมณ์พระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรรถกถาจารย์ผิด คิดไปว่า เราสามารถถวายผ้ากฐินแก่พระรูปเดียวได้ จึงพากันเชิญชวนกันไปจัดงานทอดกฐินถวายท่าน

แต่ที่ต้องระวังยิ่งกว่านั้น คือการมีเจตนาแอบแฝงมุ่งระดมทุนที่เป็นบริวารกฐิน โดยใช้การทอดผ้ากฐินเป็นข้ออ้าง กลุ่มนี้จะใช้ประเด็นรูปเดียวรับกฐินได้ มาใช้ประโยชน์ในการดำเนินการจัดเตรียมงานทอดกฐินสามัคคีเพื่อระดมทุน

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย โดยการล่วงไปแห่งเรา ธรรมและวินัยจะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย การผิดต่อวินัยนับว่าเป็นผิดต่อศาสดา การไม่เคารพวินัยย่อมหมายถึงการไม่เคารพพระศาสดา เมื่อไม่สนใจพระวินัยยังจะถือว่ามีพระพุทธศาสนาให้เราเคารพนับถืออยู่กระนั้นหรือ?? หรือถ้าเราตีความพระวินัยตามใจฉัน จะได้ชื่อว่าเราเป็นศาสดาเสียเองใช่ไหม?? ด้วยเหตุนี้ การอันตรธานของพระพุทธศาสนาย่อมจักได้ชื่อว่าได้เกิดขึ้นด้วยเหตุฉะนี้..

Leave a Reply