ตามไปดู ยกโบสถ์วัดใหม่ยายแป้น “๑ เดียว” ในกรุงเทพมหานคร

“ผู้เขียน” บวชเรียนมา 15 พรรษา  เป็นสามเณร 8 ปี และเป็นพระภิกษุอีก 7 ปี  ผ่านโบสถ์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 โบสถ์ คือ อาศัยวัดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 วัด ทั้งชั่วคราวและจำพรรษา ยังไม่เคยไปร่วมกิจกรรม “ยกโบสถ์” สักครั้งหนึ่งในช่วิต  ส่วนใหญ่ไปร่วมงาน “ปิดทองฝังลูกนิมิต” หรือไม่ก็ “งานวัดประจำปี” น้อยสุดเคยร่วมแค่ “ทาสีโบสถ์” 

พระพรหมวชิรปัญญาจารย์  (ป.ธ.9 ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอสาราม ได้อธิบายความหมายคำว่า “โบสถ์” ไว้ว่า  เป็นคำเรียกสถานที่สำหรับพระสงฆ์ใช้ประชุมกันทำสังฆกรรมตามพระวินัย เช่นสวดพระปาติโมกข์ ให้อุปสมบท มีสีมาเป็นเครื่องบอกเขต คำว่า โบสถ์ เป็นคำที่ใช้เฉพาะในพระพุทธศาสนา

“โบสถ์” เรียกเต็มคำว่า อุโบสถ หรือโรงอุโบสถ ถ้าเป็นของพระอารามหลวงเรียกว่า พระอุโบสถ บางถิ่นเรียกว่า สีมา หรือสิม

“โบสถ์” เป็น “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์”  เป็นที่ “ประทับของพระพุทธเจ้า” เป็นเขตแดนที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานให้แก่สงฆ์เป็นพิเศษ เรียกว่า “วิสุงคามสีมา”

ก่อนที่จะมาเป็นโบสถ์ที่ถูกต้องตามพระวินัยจะต้องมีสังฆกรรมที่เรียกว่าผูกสีมา หรือผูกพัทธสีมาก่อน

 ส่วนคำว่า “พัทธสีมา” พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ ได้ให้ความหมายไว้ว่า สีมา หมายถึงเขตหรือแดนที่กำหนดไว้สำหรับทำสังฆกรรมของสงฆ์ เป็นเขตชุมนุมสงฆ์โดยเฉพาะ ซึ่งพระสงฆ์กำหนดว่าผู้อยู่ในเขตนั้นจะต้องร่วมกันทำสังฆกรรมโดยความพร้อมเพรียงกัน

“พัทธสีมา” หมายถึงสีมา หรือเขตแดนที่พระสงฆ์ผูกไว้แล้ว คือพระสงฆ์ร่วมกันกำหนดให้เป็นเขตทำสังฆกรรมตามพระวินัย เรียกพิธีกรรมที่กำหนดอย่างนั้นว่า ผูกสีมา โดยทั่วไปเรียกพัทธสีมาว่า โบสถ์ หรืออุโบสถ

เขตหรือแดนที่จะผูกเป็นพัทธสีมานั้นจะต้องได้รับอนุญาตจากทางราชการก่อน เพราะต้องเป็นเขตแยกต่างหากจากเขตแดนบ้าน ซึ่งเรียกว่า “วิสุงคามสีมา”

โบสถ์ เป็น “ศาสนสำคัญ” ในทางพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่สร้าง “คน” เสกคน ให้เป็น “พระภิกษุ”

ยุคโบราณ มีคำกล่าวว่า “คนร้าย”  หนีเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อหนีเข้าไปใน “โบสถ์” เจ้าหน้าที่รัฐก็จะไม่ตามจับ เพราะถือว่าเป็น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และหมายความถึงว่า “ผู้ร้าย” ตนนั่น ยอมมอบตัวไว้ใน พระพุทธศาสนา แล้ว

“ผู้เขียน” ไปดูการ “ยกโบสถ์” วัดใหม่ยายแม้น เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวัดสร้างขึ้นในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 คือ ประมาณปี 2390 โดย “คุณยายแม้น สตรีชาวมอญ”  หลักฐานเหล่านี้มีทั้ง “ระฆังใบเก่า” และบนหลังคาอุโบสถหลังเก่ามีไก่ 2 ตัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าสร้างเสร็จในปีระกา 2391 แต่ความจริง วัดแห่งนี้น่าจะมีอายุมากกว่านี้ เพราะธรรมดาทั่วไปคนมอญหรือคนไทยยุคเก่าเวลาจะสร้างวัดต้องนิมนต์พระมาอยู่ก่อน มาจำพรรษาสัก 5 -10 พรรษา เมื่อเห็นว่าพระอยู่ได้ ชาวบ้านศรัทธา จึงสร้างวัดแบบมั่นคงและถาวร

“วัดใหม่ยายแป้น” เจ้าอาวาสรูปก่อน ๆ มาจากภาคใต้คือ “จังหวัดพัทลุง” เป็นส่วนใหญ่ เพราะสืบเชื้อจากรุ่นต่อรุ่น ปัจจุบันก็ยังมีคนในตระกูล “ณ พัทลุง” มาคอยดูและอุปถัมภ์วัดอยู่ ซึ่งตระกลู ณ พัทลุงนี้ก็ใช่ใครอื่น ๆ คือ “สายคุณหญิงแป้น” ที่ไปแต่งงานกับ “พระยาพัทลุงขุนคางเหล็ก” แล้วตามไปอยู่ภาคใต้ ตั้งรกรากอยู่ที่นั้น  เมื่อแต่งงานแล้ว “ขุนคางเหล็ก” ท่านก็เปลี่ยนจากการนับถือศาสนาอิสลามมาเป็นชาวพุทธ ไม่เหมือนยุคนี้..ใครแต่งงานกับคนอิสลามต้องเข้านับถือรีตอิสลามทันที ไม่ว่าจะเป็น “ชายหรือหญิง”

“เจ้าคุณหรรษา” พระเมธีวัชรบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดใหม่ยายแป้น ท่านเป็น “พระนักวิชาการ” มีตำแหน่งทางวิชาการนอกจาก เป็น “ด๊อกเตอร์” แล้ว ยังได้รับโปรดเกล้า ฯ เป็น “ศาสตราจารย์” ด้วย หากนับพระภิกษุในประเทศไทยเป็นรูปที่ 4 ของคณะสงฆ์ รูปแรกคือ พระพรหมบัณฑิต รูปที่ 2 พระธรรมวัชรบัณฑิต รูปที่ 3 พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ ซึ่งอยู่วัดใหม่ยายแป้นเช่นกัน และรูปที่ 4 ก็คือ พระเมธีวัชรบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณหรรษา”  

“ผู้เขียน” ยกมาเล่าแบบนี้เพื่อสื่อถึงว่า “โบสถ์” วัดใหม่ยายแป้น มิใช่โบสถ์ธรรมดา เป็นโบสถ์ที่ “สร้างพระนักวิชาการ” รับใช้สังคม รับใช้คณะสงฆ์ ถึง 2 รูป ยังไม่มีวัดใดทำได้ ขนาด “วัดหลวง”  วัดดัง ๆ ที่ว่ามีเงินเยอะ คนไปท่องเที่ยวเยอะ มีพระจำพรรษาเยอะ ยังสู้ “โบสถ์วัดใหม่ยายแป้น” วัดราษฎร์ไม่ได้

“ผู้เขียน” ถาม “เจ้าคุณหรรษา” ว่าใช้งบประมาณเท่าไร ท่านบอกว่าประมาณ 20 ล้านบาท ใช้เวลา 5 ปี  เพราะ “ยกโบสถ์” ขึ้นมาทั้งหลังตอนนี้ยังไม่มีเจ้าภาพหลัก ไม่มีเจ้าภาพรายใหญ่

สาเหตุที่ยกท่านบอกว่า เพราะวัดติดคลอง เวลาฝนตกน้ำทะลักขึ้นมาท่วมลานโบสถ์ และที่สำคัญพื้นลานโบสถ์ ต่ำมาก ในขณะที่ “ลานวัด” ถมที่สูง ระยะยาวปล่อยไว้นานโบสถ์ “จะทรุด”

“ผู้เขียน” ไม่กล้าถามต่อว่า งบประมาณสูงขนาดนี้เอาที่ไหน เพราะเท่าที่มีประสบการณ์รู้ว่า “พระนักวิชาการ” หาเงินยาก จะออกปากบอกโยม..“กระด้างปาก อาย เขิน เกรงใจ ไม่กล้า”  ไม่เหมือนพวก “พระหมอดู-พระปลูกเสก-พระสร้างวัตถุมงคล” พวกนี้โยมเข้าหาเยอะเงินแค่ 20 ล้าน  สร้างพระรุ่นเดียวอย่าว่าแต่ “ยกโบสถ์” เลย สร้างโบสถ์ “ทั้งหลัง” ยังได้สบาย

ตอนนี้พระสงฆ์วัดใหม่ยายแป้น “เดือดร้อน” เวลาลงพระปาฏิโมกข์ คนในชุมชนบวช ต้องไปอาศัยวัดใกล้เคียง ยังคิดอยู่ว่า “รับกฐิน” ปีนี้จะไปทำ “สังฆกรรม” ที่ใด

เท่าที่สืบค้นหาข้อมูลดู การยกโบสถ์ มีอานิสงค์มาก ไม่ต้องคิดอื่นไกล “โบสถ์” คือสถานที่ สร้างคนให้เป็นพระ แค่เป็นเจ้าภาพบวชพระภิกษุ ชาวพุทธเราถือว่าได้บุญ ได้อานิสงค์มากแล้ว นี่คือ “อุโบสถ” สถานที่ “สร้างคนให้เป็นพระ” น่าจะสุดยอดแห่งบุญแล้ว  และเท่าที่สอบถามจากเพื่อน ๆ บ้าง พระภิกษุสงฆ์บ้าง ณ ตอนนี้ วัดใหม่ยายแป้น น่าจะเป็นวัดเดียวในกรุงเทพมหานคร ที่ “ยกใหม่” ส่วนวัดอื่น ๆ ยังไม่มีข้อมูลว่ามีการยกโบสถ์แล้วบูรณะใหม่เหมือน “วัดใหม่ยายแป้น”

ยกโบสถ์ ยกชีวิต “สายมู” บอกว่า “แก้เคราะห์” ได้ทุกชนิด ทั้งเจ็บป่วย ค้าขาย และอุทิศส่วนกุศลให้ “เจ้าเวร-นายกรรม” เป็นต้น

“ผู้เขียน”จึงเชิญชวนชาวพุทธ หากท่านใดเห็นว่าการยกโบสถ์สำคัญต่อวัด สำคัญต่อพระพุทธศาสนาขอเชิญชวน “ร่วมด้วยช่วยกัน”

หรือไปเที่ยววัด ไปชมวัดที่สะอาดรื่นรมย์  ติดต่อได้ที่เบอร์สำนักงานโทร 096-256-5142 หรือหากไม่สะดวกจะไปที่วัด โอนเงินเข้าบัญชีวัด ธ.กรุงไทย หมายเลข 026-028-0135 ก็ได้บุญเฉกเช่นเดียวกัน

Leave a Reply