“เจ้าคุณสุมินทร์” ที่ข้าพเจ้ารู้จัก!!

จากรณีมีข่าว พระศรีสัจญาณมุนี หรือ (พระมหาสุมินทร์ ยติกโร ปธ.9,ดร. ) รองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ ถูกกล่าวหาว่าเป็น “หัวหน้าแก็งค์ล่าสัตว์” พร้อมกับยิงเจ้าหน้าที่อุทยาน โดยมี “สื่อหลัก” หลายแขนงประโคมข่าวใหญ่โต ปานว่า “พระมหาสุมินทร์” ฆ่าคนหรือเจอข้อกล่าวหา “ปาราชิก” เสียก็ปาน

“ผู้เขียน” สนิทสนทกับ “พระศรีสัจญาณมุนี” เป็นอย่างดี เนื่องจากเราเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันคือ “วัดอรุณราชวราราม” ยุค “พระธรรมสิริชัย”  พระศรีสัจญาณมุนี หรือ ผู้เขียนเรียกท่านว่า “หลวงพี่สุมินทร์” ท่านเป็นพระพูดน้อย ชอบนั่งกรรมฐาน ทำวัตรเกือบทุกเช้าเย็น  ถือเป็น “พระสุปฎิปันโน” คนหนึ่ง และเป็น “พระอุปัฎฐาก” ติดตาม พระธรรมสิริชัย เจ้าอาวาสวัดอรุณในขณะนั่น

“ผู้เขียน” หลังลาสิกขาออกมา กลับไปที่วัดทราบว่าท่านกลับ “บ้านเกิด” คือ จังหวัดชัยภูมิ และไปรับใช้  “พระเทพภาวนาวิกรม วิ.” ซึ่งเป็นพระวิปัสสนาจารย์ชื่อดัง พร้อมกับเจริญเดินตามรอยท่าน เปลี่ยนสีจีวร และเดินธุดงค์ ชอบปลีกวิเวกในป่า

“ผู้เขียน” เจอท่าน 2-3 ครั้งในงานสำคัญของคณะสงฆ์และงาน “มจร” เข้าไปกราบและทักท่านทุกครั้ง พร้อมทั้งแซวท่านเสมอเรื่อง “สีจีวร”  และความหน้าเคร่งเครียดของท่าน แต่ท่านก็ไม่เคย..ต่อปากต่อคำอะไร เนื่องจากท่านเป็นคนพูดน้อยและเป็นพระเรียบร้อย

วันนี้..ตื่นเช้ามามีคนแชทมาบอกว่าข่าว “พระมหาสุมินทร์” เต็มหน้าสื่อและเฟชบุ๊ค

“ผู้เขียน” พูดตรง ๆ ว่า ไม่เชื่อตามสื่อทุกแขนงที่ประโคมข่าว คิดว่า น่าจะ “ฟังข้อมูล” จากเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายเดียว และดีไม่ดี “ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด” รวมทั้งคนของ “พวกเรา” บางคนเสพข่าวจากสื่อหลักแล้วนำมาโพสต์พร้อมกับใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นชาวพุทธ

“ผู้เขียน” ขอนำปมความเห็นของ  “รศ.ดร. อำพล บุดดาสาร”  ได้เขียนอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับกรณีนี้ไว้ ซึ่งมีข้อมูลตรงกับกับผู้เขียนหลายประเด็น ที่ฟังจากคนในพื้นที่และคนใกล้ชิด  นำมาเผยแพร่ต่อดังนี้

จากประเด็นข่าวร้อนที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ ตามข่าวบอกว่า คือ พระศรีสัจญาณมุนี ตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดชัยภมิ (ม) เป็นผอ.วิทยาลัยสงฆ์ มจร. ชัยภูมิ พร้อมคณะภิกษุสามเณรจำนวนหนึ่งพร้อมพรานป่าเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติป่าภูเขียว ผมในฐานะคนชัยภูมิ ในฐานะผู้ทรงคุณทรงคุณวุฒิสอบปริญญาโท-เอก สาขาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยา นอกจากนี้ยังมีเพื่อนสนิทมิตรสหายที่เป็นอาจารย์ประจำที่ มจร. เยอแยะมากมาย อีกทั้งยังมีครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทความรู้ให้แก่ผมซึ่งอยู่ฝั่งมจร.ก็เยอะเช่นเดียวกัน จึงขออธิบายความเป็นจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (จากข้อมูลที่ได้โทรไปถามจากอาจารย์บางท่านที่ประจำอยู่ มจร. วิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ และอดีตหัวอุทยานท่านหนึ่งที่ผมคุ้นเคยในการข้อเท็จจริงจากประเด็นเรื่องนี้” จึงได้คำตอบมาดังนี้

1.การที่หลวงพ่อเจ้าคุณพระศรีสัจญาณมุนี (พื้นเพเป็นคนชัยภูมิโดยกำเนิด และบ้านเกิดท่านก็อยู่ติดเขตอุทยานแห่งชาติป่าภูเขียวด้วย) ปกติหน้าร้อนทุกปีท่านจะพาภิกษุสามเณรเดินป่าชมเขา เรียนกว่าปลีกวิเวก เพื่อฝึกความอดทน แต่ที่มีญาติโยมไปด้วยและพกปืนแก๊ปซึ่งเป็นปืนที่ชาวบ้านทั่วไปจะหาได้ ทางญาติโยมที่ไปด้วยคงคิดว่าเอาไว้ป้องกันตัวเมื่อเจอสัตว์ป่าที่จะมาทำร้าย คงไม่มีเจตนาจะนำไปเพื่อล่าสัตว์ตามที่ข่าวพยายามตีประเด็นให้น่าสนใจและน่าติดตาม

2.ข้อมูลจากฝั่งเจ้าหน้าที่อุทยานโดยตรง บอกมาว่าประเด็นที่เป็นความผิด คือ กลุ่มชาวบ้านหรือพรานที่ติดตามหลวงพ่อเจ้าคุณพระศรีสัจญาณมุนีและพระภิกษุสามเณรที่เดินป่ายิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ที่ลาดตระเวนก่อน เนื่องจากตกใจเกรงความผิดที่พกปืนเข้าไปในเขตอุทยาน เพื่อหลบหนี แต่ไม่เกี่ยวกับคณะพระภิกษุสามเณรแต่อย่างใด อีกทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานก็ไม่พบว่าคณะหลวงพ่อเจ้าคุณศรีสัจญาณมุนีมีปืนหรืออาวุธใดๆพกพามาเพื่อล่าสัตว์ป่าตามที่เป็นข่าว และไม่มีหลักฐานการยิงสัตว์หรือซากสัตว์ที่ได้จากการล่า (ข้อมูลจากอดีตหัวหน้าอุทยานท่านหนึ่งที่โทรมาบอกผม หลังจากท่านโทรเชคข่าวจากพรรคพวกแล้ว)

3.ความผิดที่เกิดขึ้นก็คงเป็นกลุ่ใพรานที่ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่อุทยานก่อนเพื่อเปิดทางหลบหนี ซึ่งคงไม่เกี่ยวกับคณะของเจ้าคุณพระศรีสัจญาณมุนี (ข้อมูลจากอดีตหัวหน้าอุทยานท่านหนึ่งอธิบายให้ผมฟัง)

4.ที่นำข้อมูลมาบอกกล่าวนี้ เนื่องจากหากเสพข่าวฝ่ายเดียวอาจมองว่าเป็นเรื่องเสื่อมเสียอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากหลวงพ่อเจ้าคุณพระศรีสัจญาณมุนี เป็น ป.ธ.9 ดร. และเป็นผอ.วิทยาลัยสงฆ์มจร.ชัยภูมิ อีกทั้งยังเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิด้วย

5.เนื่องจากข่าวที่ลงหรือการวิเคราะห์ข่าวของผู้สื่อข่าวช่องต่างๆ นำเสนอถูกๆผิดๆและเกินจริงในบางเรื่องบางประเด็น ซึ่งปัญญาชนคงทราบว่าเป็นธรรมชาติหรืออาชีพของนักสื่อมวลชนที่มีเจตนาจะขายข่าวเท่านั้น ส่วนประเด็นความเสื่อมเสียต่อพุทธศาสนาเขาไม่ทราบด้วย

Leave a Reply