ผู้เช่าอาคารพาณิชย์หน้าวัดป่าเป้าขึ้นป้าย วิงวอนวัดดังกลางเมืองเชียงใหม่ลดค่าเช่า หลังแจ้งปรับค่าเช่าใหม่สุดโหดจากเดือนละ 1,500 บาทเป็น 17,000 บาท อ้างไม่พร้อมต่อสัญญาให้ขนของออกทันที
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านค้าและผู้พักอาศัยในอาคารพาณิชย์ กว่า 23 คูหา หน้าวัดป่าเป้า บนถนนมณีนพรัตน์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นป้ายติดไว้หน้าอาคารเรียกร้องให้วัดป่าเป้าลดค่าเช่า หลังทางวัดให้ทนายความ ส่งหนังสือแจ้งผู้เช่าที่ใกล้หมดสัญญาว่า จะมีการปรับค่าเช่าใหม่ จากเดือนละ 1,500 บาทต่อคูหา เป็นเดือนละ 17,000 บาทต่อคูหา หากผู้เช่าไม่ดำเนินการต่อสัญญาตามกำหนด ถือว่าไม่ประสงค์จะเช่าอาคารพาณิชย์ต่อ ขอให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากอาคารพาณิชย์ทันที
โดยอาคารพาณิชย์ที่ตั้งอยู่บนถนนมณีนพรัตน์หน้าวัดป่าเป้า ฝั่งคูเมืองเชียงใหม่ด้านนอก เป็นอาคาร 2 ชั้น นอกจากเป็นที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ยังเปิดเป็นร้านค้าขายเสื้อผ้า ชุดนักเรียน อุปกรณ์เดินป่า ร้านเครื่องเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้า
หญิงวัย 50 ปี หนึ่งในผู้เช่า เปิดเผยว่า พ่อทำสัญญาเช่าที่ดินกับวัดป่าเป้ามาตั้งแต่ปี 2518 จากนั้นก็ลงทุนสร้างอาคารพาณิชย์ขึ้นเองเพื่ออยู่อาศัยและค้าขาย โดยช่วงแรกเสียค่าเช่าเดือนละ 200 บาท และขยับขึ้นมาเป็นเดือนละ 400 บาท ต่อเมื่อปี 2552 ผู้อาศัยที่ครบสัญญาเช่า เจ้าอาวาสรูปที่สองได้แจ้งขอปรับค่าเช่าเป็นเดือนละ 1,500 บาท ทำสัญญา 15 ปี พร้อมค่าเซ้ง หรือเงินกินเปล่า 500,000 บาท ผู้อาศัยทุกหลังตกลงทำสัญญา บางรายมีเงินก็จ่ายค่าเซ้งไปทั้งก้อน แต่บางรายก็ขอผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ รวมค่าเซ้งที่ทางวัดได้ไปกว่า 11,500,000 บาท
กระทั่งเมื่อปลายปี 66 หลายครอบครัวใกล้หมดสัญญาเช่า ทางวัดจึงมอบหมายให้ทนายความส่งหนังสือมาแจ้งเรื่อการต่อสัญญาใหม่ และปรับค่าเช่าเป็นเดือนละ 17,000 บาทต่อคูหา หรือเพิ่มจากเดิมกว่า 10 เท่า และขอเก็บค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน หากไม่ต่อสัญญาก็ให้ย้ายออกทันที เพราะทางวัดจะให้คนอื่นมาเช่าต่อ พร้อมมอบหมายให้ทนายความเข้ามาสำรวจอาคารพาณิชย์ สร้างความงุนงงให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก
เจ้าของรายนี้ บอกอีกว่า เวลานี้ชาวบ้านได้รับความร้อนเดือดร้อนมาก เพราะทางวัดแจ้งแบบกระชัดชิด หลายครอบครัวอาศัยอยู่มานานกว่า 70 – 80 ปี ตั้งแต่เป็นที่ดินเปล่า ทุกคนลงทุนสร้างอาคารขึ้นมาเอง หากวัดจะปรับขึ้นค่าเช่าก็ควรแจ้งให้ชาวบ้านทราบก่อน ช่วงแรกชาวบ้านพยายามเข้าไปพูดคุยกับเจ้าอาวาสขอลดค่าเช่าในราคาที่เหมาะสมและอยู่ได้เพราะเศรษฐกิจไม่ดี แต่เข้าไปคุยถึง 2 ครั้งเจ้าอาวาสไม่ยินยอม จนครั้งล่าสุดเจ้าอาวาสปฎิเสธไม่ให้เข้าพบโดยอ้างว่าอาพาธ
ด้านนายปรีชา ขันธนา ประธานชุมชนวัดป่าเป่า กล่าวว่า นอกจากอาคารพาณิชย์หน้าวัด ยังมีชุมชนที่อยู่หลังวัดอีกกว่า 100 หลังคาเรือน หากวัดขึ้นค่าเช่าอาคารพาณิชย์ฝั่งด้านหน้า ก็เกรงว่าต่อไปจะขึ้นค่าเช่ากับชุมชนด้านหลังอีก จึงได้มีการยื่นขอเสนอขอให้ทางวัดเก็บค่าเช่าเดือนละ 5,000 บาท สัญญา 15 ปี และต่อสัญญาทุก 3 ปี โดยผู้เช่าจะเสียภาษีโรงเรือนเอง
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พระมหาอนุพันธ์ อภิวฑฺฒโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดป่าเป้า ได้เดินทางมาเจรจากับผู้เช่าอาคารพาณิชย์หน้าวัด เพื่อรับข้อเสนอจากผู้เช่าและนำไปหารือกับพระครูอมรวีรคุณ เจ้าอาวาสอีกครั้ง
พระมหาอนุพันธ์ กล่าวว่า ยังไม่ขอให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลอะไรเพราะยังไม่ได้ข้อสรุป ต้องนำข้อเสนอของชาวบ้านไปแจ้งให้เจ้าอาวาสทราบก่อน เพื่อตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไร อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นทางสำนักพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ทราบเรื่องแล้วและจะลงพื้นที่มาพูดคุยในประเด็นนี้กับเจ้าอาวาสและชาวบ้านอีกครั้ง
ที่มา : มติชนออนไลน์
Leave a Reply