ปากหาเรื่องให้ทัวร์ลง??

“เปรียญสิบ” เป็นคนประเภท “เจ็บแล้วจำ” จำได้ว่าช่วงที่กรรมการมหาเถรสมาคม 3 รูปต้องคดี “เงินทอนวัด”  จากแก๊งค์ “3 พ.”

นอกจากมีข้าราชการระดับ “ตัวเป้ง” ในพระพุทธศาสนาแห่งชาติหลายคนต้อง “ติดคุก” และหนีออกไปต่างประเทศแล้ว ยังมีคนของสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติบางคน มีข่าวลือทำนองซุบซิบด้วยว่า เพื่อให้ตัวเองได้ดี ได้เลื่อนขั้นเร็ววัน มีการ “ใส่ร้าย” พระคุณเจ้าเหล่านี้ด้วย “คำเท็จ” จริงเท็จประการใดไม่ทราบ

และซ้ำช่วงนี้เกิดกรณีข่าว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติคนหนึ่ง “ไปแขวะ” พรรคการเมืองหนึ่งว่า “ตัวการตัดงบประมาณ” ของสำนักงานพุทธฯ ออกไป เรื่องนี้อาจได้ใจคณะสงฆ์ส่วนใหญ่ เพราะ “หาญกล้า” กล้าบอกต่อคณะสงฆ์

แต่ “คนพุทธ” หลายคนที่เกาะติด “คดีเงินทอนวัด” บางคนบอกว่า “กรรมกำลังตามสนอง” เพราะอะไรไม่ทราบได้ หรือผู้บริหารระดับสูงท่านนี้ เกี่ยวข้องกับ “คดีเงินทอนวัด” ด้วยหรือเปล่า

กรณีนี้หากว่าง “เปรียญสิบ” จะไปถาม “ทนายความ” หรือไป “สืบค้น” คำพิพากษาของศาลดูว่า ใครเป็นใคร ในคดีนี้

ส่วน “พระคุณเจ้า” สองรูปจากวัดประยูรฯ ระดับ “เจ้าคุณ” ที่ออกมา การันตีว่า ผู้บริหารท่านนี้พูดทำนองเชิงล้อเล่น แหม่! ปากหาเรื่องให้ทัวร์ลงแท้!! คลิป!! ออกมาขนานนั้น สาธุชนรู้ว่า ล้อเล่น หรือ จริงจัง??

ระวังตกเป็นเครื่องมือการชิงขึ้นเบอร์หนึ่งของสำนักเจ้ายุทธจักร “พุทธมณฑล”

แต่เอาเถอะ เรื่องคดีเงินทอนวัด มันจบลงแล้ว ตอนนี้ “พระพรหมดิลก” พ้นบ่วงกรรม พ้นวิบากกรรมแล้ว ไม่รู้ “เสวยสุข” จนลืมอดีตที่เคยถูกระทำแล้วหรือไม่ ตอนนี้ “เนื้อหอม” หลายวัดนิมนต์ไปร่วมงาน ซ้ำบางวัดนิมนต์ “กรรมการมหาเถรสมาคม” ที่เคยตราหน้าพระพรหมดิลกด้วยว่า “ไม่ใช่พระ” หน้าประจันหน้าพูดคุยกันด้วย

ดูๆ แล้ว เหมือน “ลิเก” เหมือน “ละคร” อย่างไรไม่รู้สังคมสงฆ์ไทย

แต่ก็ขอชื่นชม “หัวใจท่าน” ที่ไม่คิดแก้แค้นเพื่อความมั่นคงแห่งสถาบันสงฆ์และพระพุทธศาสนา

ขณะนี้กรรมการมหาเถรสมาคมที่ต้อง “คดีเงินทอนวัด” ยังเหลืออีก 2 รูป คือ อดีตพระพรหมสิทธิ วัดสระเกศฯ  และ อดีตพระพรหมเมธี วัดสัมพันธ์วงศ์ ตอนนี้ทราบว่า คดีถึงที่สุดแล้ว

รอดูว่าจะมี “ข่าวดี” ในช่วงเดือนหน้าวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือไม่

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้หลายวัดมี “เจ้าหน้าที่” มาสืบประวัติ มาถามประวัติกันบ้างแล้ว

การเมืองใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง ใครจะเป็นรัฐบาลหรือไม่เป็นรัฐบาล คณะสงฆ์อย่าตื่นตระหนกกันให้มาก

เพราะสุดท้ายบุคคลเหล่านี้ หากยากยิ่งที่จะจริงจังกับคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา

สถาบันสงฆ์ในฐานะ “ตัวแทน” ฝ่ายจารีตนิยม นอกจากจะต้อง “ปรับตัว” ให้ท่านต่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมโดย “ไม่ทิ้งหลัก” แห่งพระธรรมวินัยแล้ว ต้องพยายามช่วยกันรักษาสถาบันสงฆ์ให้เป็นที่พึ่งของสังคม “ยุคใหม่” ให้ได้ช่วย

“เปรียญสิบ” เชื่อคำพูดของสมเด็จพระพุฒาจารย์ “สมเด็จเกี่ยว” ที่ว่า พุทธศาสนาอยู่ได้ ทุกสถาบันอยู่รอด

……………………………..

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง

โดย…“เปรียญสิบ”: [email protected]

Leave a Reply