วันที่ 25 พ.ย.67 ณ อาคารพระราชรัตนโมลี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา  พระพรหมวัชรธีราจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการงานพิธีประสาทปริญญาประจำปี 2567 โดยมี พระเทพวัชรสารบัณฑิต รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา พระปัญญาวัชรบัณฑิต รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ พระมหาชำนาญ มหาชาโน รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์ รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป เป็นต้น พร้อมด้วยคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ร่วมประชุม และ มีรองอธิการบดีวิทยาเขต ผอ.วิทยาลัยสงฆ์ ในภูมิร่วมประชุมผ่านระดมซูม

พระเทพวัชรสารบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณประสาร” ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการ เผยว่า วันนี้ถือว่าเป็นการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมระดับประธาน รองประธาน เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อเช็คความพร้อมของแต่ละฝ่ายที่ได้รับมอบหมายให้ไปจัดการ ทั้งเรื่องฝ่ายอำนวยการ สถานที่ ฝ่ายจราจร ฝ่ายเหรัญญิกและเครื่องไทยธรรม การจัดทำสูติบัตร สัมมนาทางวิชาการ  ฝ่ายปฎิคมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งฝ่ายสวัสดิการเรื่องอาหาร ร้านค้า

“สำหรับปีนี้ การประสาทปริญญากำหนดไว้ 2 วัน คือ วันเสาร์ที่ 7 และวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2567 ที่จะถึงนี้ องค์ประธานมอบปริญญาตอนนี้ทางมหาจุฬา ฯ กราบทูลเชิญสมเด็จพระสังฆราช เหมือนทุกปี สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาทุกระดับชั้นปีนี้ มีทั้งหมด 4,602 รูป/คน แบ่งออกเป็นบรรพชิต 2,129 รูป คฤหัสถ์ 2,473 คน ในขณะที่ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทั้งภายในประเทศและนานาชาติมีจำนวน 91 ท่าน มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จำนวน 4 ท่าน และเข็มเกียรติคุณอีก 48 ท่าน รวมเป็น 143 รูปคน สำหรับส่วนกลางพรุ่งนี้จะมีการซ้อมรับปริญญาทั้งในระดับบัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต ทุกคณะด้วยเช่นกัน”

ส่วน พระสุธีวีรบัณฑิต ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม ซึ่งรับผิดชอบด้านสวัสดิการ เผยว่า   “สำหรับฝ่ายสวัสดิการซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลการจัดเตรียมอาหารเช้า -เพล อาหารว่างและเครื่องดื่ม ทั้งผู้เข้ารับปริญญา ชาวต่างชาติและประชาชนทั่วไป ตอนนี้พร้อมแล้ว มีโรงทานมาร่วมประมาณ 35 โรงทาน เช่น มูลนิธิร่วมกตัญญู  แม่ชีทศพร วชิรบำเพ็ญ และคณะ มูลนิธิโพธิวัณณา พระเทพปวรเมธี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร กลุ่มปาล์มน้ำมันพืชตราผึ้ง คณะศิษย์พระอาจารย์ยศวัจน์ จิตตปาโล เป็นต้น สำหรับอาหารการฉัน น้ำปานะ พร้อมตลอด 2 วัน..”