วันที่ 25 พ.ย.67 วานนี้ ณ  ศาลาอบรมสงฆ์ วัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พระพรหมวชิโรดม เจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม  เจ้าคณะภาค 10  รองแม่กองบาลีสนามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ใน พิธีถวายมุทิตาสักการะพระภิกษุสามเณรผู้สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค และผู้สอบได้บาลีศึกษา 9 ประจำปี 2567 ของเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยมี ดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ พร้อมด้วย  นายประพันธ์ ว่องไว นายกเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย คณะกรรมการบริหาร และประชาชนทั่วไป ร่วมพิธี

พระพรหมวชิโรดม  ได้ให้โอวาทตอนหนึ่งว่า วันนี้มีความปีติปลื้มใจที่เปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย จัดงานให้ผู้สำเร็จการศึกษาเปรียญธรรม 9 ประโยค การจัดงานแบบนี้ถือว่า เป็นการถวายกำลังใจ การเรียนบาลีต้องอาศัยกำลังใจ กำลังใจจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดแรงกาย ในการที่จะศึกษาพระพุทธพจน์ เพื่อเป็นศาสนทายาท ซึ่งการศึกษาจำเป็นต้องมีหลักศึกษา 3 ประการ คือ  1.การศึกษาพระไตรปิฏก 2. การศึกษาพระปริยัติธรรม ที่ต้องเกื้อกูลพระภิกษุสามเณร ในการเตรียมพร้อมเป็นศาสนาทายาทที่ดี การศึกษาจำเป็นต้องมีต่อเนื่อง แม้ผู้จบเปรียญธรรม 9 ประโยคแล้ว จำเป็นต้องศึกษาต่อ ต้องพัฒนาตนเอง เพื่อไปเป็นครูอาจารย์และทำงานรับใช้พระศาสนา  และ  3.การศึกษาต้องเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้าน ต่อชุมชน ศึกษาพระไตรต้องประยุกต์กับชีวิตประจำวัน และปรับใช้กับสังคมให้ได้ การศึกษาบาลีต้องตอบโจทย์หรือวัตถุประสงค์หลักทั้ง 3 ประการนี้ให้ได้ เพื่อต่อยอดในการพัฒนาตน พัฒนาคน และ เพื่อพัฒนางาน

“พระภิกษุสามเณรผู้จบเปรียญธรรม 9 ประโยค ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในอาจาระวัตรปฎิบัติของพระภิกษุสามเณรในพระธรรมวินัยของพระศาสนานี้ และต้องเป็นศาสนบุคคลสำคัญในการสืบทอด เพื่อความมั่นคงของพระศาสนา…”

ด้าน นายประพันธ์ ว่องไว นายกเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า เปรียญธรรม 9 ประโยค เป็นการศึกษาระดับสูงสุดของการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของคณะสงฆ์ไทย พระภิกษุสามเณรผู้ศึกษาสำเร็จเปรียญธรรม 9 ประโยค นับว่าเป็นกำลังสำคัญของพระศาสนา ในการบริหารกิจการของคณะสงฆ์ด้านต่าง ๆ มีเกียรติคุณเป็นที่ปรากฎ ทั้งในประเทศไทยและประเทศที่ยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาทั่วโลก  พระภิกษุสามเณรผู้สำเร็จเปรียญธรรม 9 ประโยค คือ ศาสนทายาท สามารถธำรงรักษาอริยวงศ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เจริญรุ่งเรืองมั่นคง เป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของคณะสงฆ์ไทยเป็นครูอาจารย์ เป็นนักเผยแผ่ เป็นผู้บริหารที่มีคุณภาพ มีสมรรถภาพ และประสิทธิภาพ

“พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ทรงถือว่าการศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ เป็นพระราชภาระอันสำคัญ และทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน พระภิกษุสามเณรที่สอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค และเปรียญธรรม 9 ประโยค ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เข้ารับประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร พัดยศเปรียญ และไตรจีวร ในพระบรมมหาราชวัง ในวันขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ก่อนวันวิสาขบูชา 1 วัน เป็นประจำทุกปี เรียกว่า “วันทรงตั้งพระเปรียญ” ถือเป็นธรรมปฎิบัติสืบมาจนถึงทุกวันนี้ ในปีพุทธศักราช 2567 มีพระภิกษุสามเณรสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค จำนวน 76 รูป เป็นพระภิกษุ 62 รูป สามเณร 14 รูป และมีผู้สอบบาลีศึกษา 9 คน สอบได้ 1 คน รวม 77 รูป/คน..”

สำหรับเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้จัดให้มีพิธีถวายมุทิตาสักการะ พระภิกษุสามเณรผู้สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค เริ่มมาตั้งแต่ปี 2528 จนถึงปัจจุบัน รวม 34 ปี