เมื่อวันพุทธที่ 4 สิงหาคม 2564 ดร.ณพลเดช มณีลังกา อนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ สภาผู้แทนราษฎร และนายกสมาคมการบินนภารักษ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดโครงการ “ปลูกฟ้าสู่บ้านวัด 1 แสนต้น” โดยนำกล้าต้นฟ้าทะลายโจรนำไปถวายตามวัด และบริจาคให้กับประชาชน ในเขตกรุงเทพฯ วันนี้เป็นที่น่ายินดีที่มีการใช้พื้นที่วัดในการเพาะปลูกต้นฟ้าทะลายโจรและสมุนไพรต่างๆ ล่าสุดวันนี้ พระสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท พร้อมด้วย คณะสงฆ์จังหวัดชัยนาท ร่วมกับภาคข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่นและภาคประชาชน ได้ร่วมกันปลูกสมุนไพรฟ้าทะลายโจร โดยเริ่มต้นที่บริเวณ วัดดักคะนน ต.ธรรมามูล อ.เมือง จ.ชัยนาท
ด้าน พระสุธีวราภรณ์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นมีวัดที่เข้าร่วมโครงการปลูกฟ้าทะลายโจรแล้วจำนวน 30 วัดซึ่งคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก โดยเป็นโครงการที่จะใช้พื้นที่วัดที่มีพื้นที่วัดว่าง ได้เปล่าเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาช่วยกันปลูกและดูแล โดยการดูแลและเก็บเกี่ยวให้ชาวบ้านเป็นผู้ดำเนินการ หากมีรายได้เกิดขึ้นก็จะช่วยจุนเจือชาวบ้านที่ไม่มีอาชีพ ทั้งนี้จากที่ทราบว่า ดร.ณพลเดช ได้มีการจัดโครงการ “ปลูกฟ้าสู่บ้านวัด 1 แสนต้น” ที่กรุงเทพฯ อาตมาภาพจึงขอร่วมบริจาคต้นกล้าจำนวน 1 หมื่นต้น เพื่อนำไปถวายแด่วัดและประชาชน ซึ่งขณะนี้ต้องถือว่าเป็นโซนสีแดงเข้ม การมีต้นสมุนไพรสดอยู่กับวัดหรือบ้านก็เหมือนมีโรงงานผลิตยาอยู่ใกล้ตัว ต้องยอมรับว่าต้นฟ้าทะลายโจรเป็นต้นไม้มหัศจรรย์ เพียงกินแค่ 5 วันสำหรับกลุ่มสีเขียวก็เห็นผลในการรักษาโรคโควิด19 ได้อย่างน่าประทับใจ
ดร.ณพลเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนขออนุโมทนากับ พระสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท ที่มีวิสัยทัศน์โดยได้ประสานกับวัดที่มีพื้นที่ว่างเปล่า นำเอาฟ้าทะลายโจรมาปลูก และยังเตรียมพื้นที่สำหรับปลูกสมุนไพรอื่นๆ เพื่อเป็นยาให้กับประชาชนผู้ติดเชื้อโควิด ซึ่งส่วนหนึ่งก็จะเป็นรายได้ให้กับประชาชนได้โดยตรง อนึ่งจะเป็นวิถีที่ทำให้วัดกับชาวบ้านมาทำกิจกรรมร่วมกันอย่างบูรณาการ เป็นภาพที่ไม่ค่อยเห็นแล้วในสังคมไทย
“สิ่งนี้จะก่อเกิดการเชื่อมโยงกันระหว่าง “บ้าน กับ วัด” อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อประชาชนมีส่วนผูกพันกับวัดก็จะทำให้พระสงฆ์สามารถนำคำสอนของพระพุทธเจ้าไปสู่ชาวบ้าน และที่สำคัญบุตรหลานที่ขณะนี้ยากที่จะไปเรียนหนังสือ ก็จะสามารถได้รับการสั่งสอนจากพระภิกษุสงฆ์ผ่านวัดได้โดยตรง พระสงฆ์ก็จะมีกิจกรรมที่จะต้องทำ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยเศรษฐกิจ ก็จะมีหลักธรรมคำสอน โดยเฉพาะ โลกธรรม 8 ประการคือ 1. มีลาภ 2. เสื่อมลาภ 3. มียศ 4. เสื่อมยศ 5. สรรเสริญ 6. นินทา 7. สุข 8. ทุกข์ สิ่งนี้จะช่วยลดปัญหา การฆ่าตัวตาย การฉกชิงวิ่งราว ปัญหายาเสพติด ฯลฯ ได้เมื่อพระสงฆ์สามารถเข้าถึงชาวบ้าน และชาวบ้านเข้าหาพระสงฆ์ ตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อประชาชนอยู่ใน “ทาน ศีล ภาวนา” ที่เป็นแก่นของพระพุทธศาสนา จะทำให้ชาวบ้านสามารถดำเนินชีวิตให้ฝ่าวิกฤตโควิด19 นี้ไปได้เป็นอย่างดี” ดร.ณพลเดช กล่าว
Leave a Reply