“มหาเธร์” อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อ้าง “ภาคใต้ไทย-สิงคโปร์-หมู่เกาะใกล้เคียง” ครั้งหนึ่งเคยเป็นของชาวมลายู ควรกลับมาเป็นของประเทศมาเลเซียอีกครั้ง

 

วันที่ 22 มิ.ย. 65  วันนี้มีการเผยแพร่คำพูดของ มาฮาดีร์ บิน โมฮามัด หรือ คนไทยรู้จักในนาม “มหาเธร์” อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียผู้มีชื่อเสียงสุดโต่ง ในวัย 96 ปี ซึ่งมีสื่อออนไลน์ชื่อ  https://www.straitstimes.com/asia  นำเสนอและถอดความโดย THE STATE อ้างว่าเป็นคำพูดของเขาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่กล่าวว่า สิงคโปร์-ภาคใต้ของไทย-หมู่เกาะใกล้เคียง ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของชาวมลายู ควรกลับมาเป็นของประเทศมาเลเซียอีกครั้ง

“ดินแดนมลายูของเราเคยกว้างใหญ่กว่านี้มาก เหนือสุดอยู่ที่คอคอดกระภาคใต้ของไทยและหมู่เกาะริเยา และยังรวมถึงสิงคโปร์ ก็เคยเป็นดินแดนของมาลายูมาก่อน แต่ตอนนี้เราเรียกดินแดนเหล่านี้ว่าคาบสมุทรมาเลย์”

“พวกเราไม่ควรจะทวงคืนแค่ Pedra Branca หรือ Pulau Batu Puteh แต่เราควรจะทวงพื้นที่ต่าง ๆ เหล่านี้ทั้งหมู่เกาะริเอาและสิงคโปร์ เพราะเคยเป็นดินแดนของมลายูมาก่อน”

เขายังชี้แนะอีกว่ารัฐบาลมาเลเซียควรแสดงความเป็นอธิปไตยเหนือเกาะสิปาดัน (Sipadan) และเกาะลิกิตัน (Ligitan) บนเกาะบอร์เนียวจากประเทศอินโดนีเซีย ณ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice : ICJ) และควรมองข้ามพื้นที่เล็กๆขนาดเท่าเศษก้อนหินอย่าง เปดราบรังกา (Pedra Branca) ของสิงคโปร์ไป

“พวกเราไม่ควรเรียกคืนแค่เปดราบรังกาเพียงอย่างเดียว แต่ควรเรียกคืนหมู่เกาะรีเยา (Riau) อีกด้วย เพราะ มันเป็นหนึ่งในคาบสมุทรมลายูของพวกเรา (Malay Land)” มหาเธร์กล่าวพร้อมกับเสียงปรบมือ

มหาเธร์กล่าวสุนทรพจน์นี้ในงานที่จัดขึ้นโดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ณ รัฐสลังงอร์ ภายใต้หัวข้อ “ฉันคือชาวมาเลย์ : เริ่มต้นของการอยู่รอด” (Aku Melayu: Survival Bermula)

คำกล่าวของเขาถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ พร้อมกับกล่าวในตอนเริ่มสุนทรพจน์ว่ามาเลเซียในดินแดนคาบสมุทรมลายู แต่ก่อนเคยมีพื้นที่มากกว่านี้โดยตั้งแต่เกาะกิ่วกระทางตอนใต้ของประเทศไทยทอดลงมาถึงหมู่เกาะรีเยาและสิงคโปร์

เขาได้ย้ำเตือนผู้ฟังให้รู้จักเรียนรู้อดีต “ถ้าเราผิด เราควรทำสิ่งที่ผิดให้เป็นถูก ดังนั้นแล้วดินแดนพวกเราที่ยังเหลืออยู่ก็คือดินแดนมาเลย์ของพวกเรา”

ในขณะเดียวกันจากคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินให้เกาะสิปาดันและเกาะลิกิตันเป็นของมาเลเซียในปี 2002 และ เปดราบรังกาเป็นของสิงค์โปร์ในปี 2008 จนในปี 2017 มาเลเซียได้ยื่นต่อศาลให้ทบทวนคำตัดสินอีกครั้ง และในปี 2018 ที่มหาเธร์ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเขาประกาศว่ากระบวนการของศาลควรหยุดได้แล้ว

ที่มา THE STATE

Leave a Reply