เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ที่วัดฉิมพลีฯ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ม.ร.ว.จิราคม กิตติยากร ประธานอุปถัมภ์กฐินใหญ่ ได้มอบหมายให้ ม.ร.ว.นิวัติ กัลยาณวงศ์ และ ม.ล.สัญชัย ทองแถม รองประธาน มาร่วมพิธีทอดกฐินตกค้างที่วัดฉิมพลีฯ โดยดร.ณพลเดช มณีลังกา อนุกรรมาธิการศึกษาพิจารณาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆสภาผู้แทนราษฎร และประธานองค์กฐิน กล่าวว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณราชสกุลหลายท่านที่ได้เข้ามาสนับสนุนกิจกรรมทอดกฐินสามัคคี และต้องขอขอบคุณ ส.ส.นพดล แก้วสุพัฒน์ กรรมาธิการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มาร่วมทอดกฐินตกค้างในครั้งนี้

ดร.ณพลเดช กล่าวต่อไปว่า จากเหตุการณ์ของวัดฉิมพลีที่ตนได้ประสานโดย ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าอาวาส แจ้งมาว่าที่วัดไม่มีผู้ทอดกฐินสามัคคี ขณะนี้วัดได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมญาติโยมมีอุปสรรคในการเดินทาง โดยได้แจ้งก่อนวันทอดกฐินจริงเพียงไม่ถึงสามสัปดาห์ ซึ่งตนก็มองว่ามีเหตุการณ์กฐินตกค้างที่ไม่มีผู้ทอดกฐินเช่นนี้เลยหรือในความเป็นจริงแล้ว พุทธบริษัทฝ่ายอุบาสก อุบาสิกาในอดีตจะให้ความสำคัญต่องานบุญกฐินอย่างมากจนกลายเป็น ประเพณีวัฒนธรรมจารีตประเพณีอันดีงาม เพราะเป็นบุญที่พระภิกษุสงฆ์จำพรรษาครบการไตรมาสเข้าพรรษาถึงสามเดือนการทอดกฐิน พระพุทธเจ้าพระองค์ได้บัญญัติว่าเป็นบุญเฉพาะกาลทำได้หลังจากออกพรรษาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น พระสงฆ์ก็ได้อานิสงส์กระถิน ญาติโยมด้วยการเตรียมองค์กฐินก็ได้อานิสงส์ของการทำบุญกฐินเช่นกัน กลับกันหากไม่มีการทอดกฐินพระก็ไม่ได้อานิสงส์กฐินญาติโยมก็ไม่ได้บุญเช่นกัน

ดร.ณพลเดช กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์นี้ตนมองว่าหลายวัดในประเทศไทยไม่มีเจ้าภาพในการทอดกฐิน ซึ่งสาระสำคัญของการทอดกฐินเพียงมีอัฐบริขารและผ้าไตรและเครื่องสนับสนุนเป็นปัจจัยก็เพียงพอแล้ว แต่ปรากฏว่าปัจจุบันมีกฐินที่ไม่มีญาติโยมจองเป็นอันมาก อาจด้วยภาวะเศรษฐกิจ หรือการประสานงานกับวัดที่ยังไม่สามารถเข้าข้อมูลของวัด อย่างไรก็ดีตนเห็นว่าสำนักพุทธทาสศาสนาควรเข้าไปประสานงาน ตั้งแต่ต้นปีเพื่อในปีหน้าจะได้มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาครบจำนวนและมีญาติโยมถวายผ้ากฐิน ซึ่งจะส่งผลให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของวัดของพระและการทำหน้าที่ของญาติโยมซึ่งถือว่าเป็นผู้อุปถัมภ์ฝ่ายฆราวาสควรทำหน้าที่นี้ ต้นมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าหากมีข้อมูลจากสำนักพุทธว่าวัดไหนไม่มีเจ้าภาพกฐินจะมีญาติโยมเข้าไปจองกฐินเป็นจำนวนมาก