แนวคิดพัฒนา “พุทธมณฑล” สู่ “ศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก” ต้องเป็น “วาระแห่งชาติ”

เมื่อวานรัฐมนตรี “แจ๋น” ุคุณพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะชุดใหญ่ เดินทางไปมอบนโยบายให้กับสำนักงานพระพุทธศาสนา มีหลายนโยบายที่ถือว่า “ผ่าน”  ไม่ว่าจะเป็นการทำวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง การพัฒนาพุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก หรือรวมทั้งนโยบายอื่น ๆ   ซึ่งในทางปฎิบัติจะทำได้มากน้อยแค่ไหน คงจะต้องรอดูต่อไป  แต่เชื่อเถอะบางนโยบายหากไม่ผ่าน “ความเห็นชอบ” จากมหาเถรสมาคม ไม่อาจทำได้ สิ่งที่ดีที่สุดคือ “คุณพวงเพ็ชร “ จะต้องหาเวลาและวันที่ “มหาเถรสมาคม” มีการประชุม พาคณะเข้าไปกราบนมัสการขอความคิดเห็นจากท่าน ให้พระคุณเจ้าเปรียบเสมือน “รัฐมนตรีพระ” พยักหน้าแล้ว นโยบายของรัฐมนตรีจะผ่านทะลุ ทุกอุปสรรค ทั้ง กำลังคน กำลังทรัพย์ รัฐมนตรีแจ๋นคงเคยได้ยินสุภาษิตไทยที่ว่า “ทิฎฐิพระ มานะเจ้า” 

นโยบายการพัฒนาพุทธมณฑลสู่ความเป็น “ศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก” พูดกันมานาน ไม่ใช่ยุคพรรคเพื่อไทยนี้เท่านั้น พูดมาตั้งแต่ยุคก่อสร้าง จอมพล ป. แล้วมั่ง  ในหนังสือแผนการปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนาของมหาเถรสมาคม เรื่องนี้ก็ถูกบรรจุไว้ เดิมมหาเถรสมาคมมอบหมายให้ “สมเด็จพระพุทธชินวงศ์” อดีตเจ้าวาสวัดพิชัยญาติ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง รับผิดชอบ หลังท่านมรณภาพไป ทุกวันนี้มหาเถรสมาคมยังไม่ได้แต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมรูปใดขึ้นมาแทน แนวคิดการพัฒนาพุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางจึง “แท้ง” ตั้งแต่บัดนั้น หากไม่เชื่อลองส่งเลขา “คุณสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา” ไปถาม “พระธรรมโพธิมงคล” วัดสระเกศ ฯ เจ้าคณะภาค 2 อดีต “นายช่างใหญ่” ของสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ดูว่าทุกวันนี้ถามว่า “โพธิญาณมหาวิชชาลัย” ที่บรรจุคนปฎิบัติธรรมประมาณ 3,000 คน มีใครไปเหลียวแลไปใช้บ้าง..

หอประชุมใหญ่ที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะไปประชุมเมื่อวานนี้ แต่เดิมก็ “ร้าง-ทรุด” ผู้รับเหมาทิ้งงาน เมื่อปี 53-54 เจอน้ำท่วม  หากจำไม่ผิด “พระเทพประสิทธิมนต์” หลวงพ่อเณร เจ้าอาวาสวัดศรีสุดาราม ไปช่วยซ่อมแซมหางบประมาณมาให้หลายสิบล้านบาท ทุกวันนี้ไม่รู้ว่า “คณะสงฆ์” หรือผู้ใช้งานหอประชุม เคยนึกถึงท่านบ้างเปล่า

พระสงฆ์ที่มีใจกว้างและมีวิสัยทัศน์แบบนี้..รัฐบาลและคณะสงฆ์ต้องดึงเข้ามาร่วมงาน

มีคนเคยแซวว่าแม้กระทั้ง “หอพระไตรปิฏกหินอ่อน” ที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สร้างไว้ด้วยงบประมาณหลายร้อยล้าน ทุกวันนี้  “ตัวเงินตัวทอง” เดินเพ่นพล่านมากกว่าคนไปเยี่ยมไปดูอีก ใช่หรือไม่ต้องถามเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดของสำนักงานพุทธ ฯ

“พุทธมณฑล” ทำอย่างไรให้ “ชาวพุทธ” ไทยและทั่วโลก รวมทั้ง “นักท่องเที่ยว” เวลาเดินทางมายังประเทศไทยแล้วมีความรู้สึกว่า..ต้องมาเยี่ยมสักการะพุทธมณฑลสักครั้ง เหมือนอยากมา “วัดพระแก้ว” อยากไป “วัดอรุณ – วัดโพธิ์” หรือแม้กระทั้ง “วัดไตรมิตร” 

และรวมทั้ง จะถึงทำอย่างไรให้

คณะสงฆ์เวลาจัดงานต้องเป็น “พุทธมณฑล” เท่านั้น มิใช่ภาคใครภาคมัน หนใครหนมัน หรืองานใครงานมัน ไม่ว่าจะเป็นงานมอบวุฒิบัตรประโยค 1-2 พัดประโยค ป,ธ. 3 หรือมอบสมณศักดิ์ หรือแม้กระทั้งการจัดงานประชุมวิสาขบูชาโลก เทศกาลสำคัญ ๆ ต้องพุทธมณฑล เท่านั้น

อันนี้ยังไม่รวมข้อเสนอแนวคิดที่ว่าใครก็ตามเป็น “สมเด็จพระสังฆราช” ต้องประทับอยู่ในตำหนัก “สมเด็จพระสังฆราช”  ที่สร้างไว้ที่พุทธมณฑลเท่านั้น  ที่ทุกวันนี้พระตำหนักแทบร้าง และรวมทั้งการประชุม “มหาเถรสมาคม” เดิมก็ประชุมที่พุทธมณฑล อยู่ดี ๆ  ย้ายกลับมา “วัดบวร” เหมือนเดิม..อันนี้ก็น่าคิด

ซ้ำหลายปีที่ผ่านมามีนักวิชาการ -พระสงฆ์หลายเสียง เสนอให้ สำนักงานแม่กองบาลี -นักธรรม หรือ สำนักงาน “เจ้าคณะภาค – เจ้าคณะหน” ให้ไปอยู่พุทธมณฑล ทุกวันนี้มีใครไปบ้าง ได้แต่คิดและพูดกันในวงพระผู้น้อย!!

แนวคิดที่จะพัฒนาพุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลกมันต้องทำเป็น “วาระแห่งชาติ” ดึงทุกภาคส่วนมาทั้งมือการตลาด ทั้งนักธุรกิจ นักพีอาร์ อาจต้องจัดสรรแบ่งสัดส่วนที่ดิน 2,500 ไร่ ให้ชัดเพื่อหารายได้เข้ารัฐ เข้ากองทุนพัฒนาพุทธมณฑล เรื่องนี้ ลำพังรัฐบาล ภาครัฐ คิดแล้วพูด..ไม่เกิด

ทำอย่างไร “พุทธมณฑล” มันจึงจะเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลกได้จริง ทำอย่างไรพุทธมณฑลจึงจะเลี้ยงตัวเองได้ ..มันต้องใช้ “มืออาชีพ” มาคิด มาทำ มาปั้น!!

“ผู้เขียน” ขอเอาใจช่วย รัฐมนตรีประจำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ขอให้พัฒนาพุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก ให้สำเร็จในยุคนี้

และอีกเรื่องเป็นเรื่องฝาก มีพระสงฆ์และชาวพุทธที่ไปกราบ “พระศรีศากยะทศพลญาณ” พระประธานประจำพุทธมณฑล บอกว่า ตอนนี้องค์ประธานเก่าและทรุดโทรมมาก พื้นบางแห่งก็ร้าว เป็นไปได้หรือไม่ปีหน้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นับเป็นมหามงคลสมัยพิเศษยิ่ง ที่มหาเถรสมาคมและรัฐบาล ควรซ่อมแซม บูรณะองค์พระศรีศากยะทศพลญาณเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ชาวพุทธมีส่วนร่วมในการบูรณะในครั้งนี้ด้วย อันนี้เป็นเรื่องฝากให้คิด

ความจริงวันนี้ ตั้งใจจะเขียนนโยบาย “ทำวัดร้าง ให้เป็นวัดรุ่ง” ซึ่งมีวัดร้างมากกว่า 5,000 วัด รวมทั้งเรื่องเร่งรัดออกโฉนดที่ดินวัด และมีวัดที่ยังไม่ได้รับวิสุงคามสีมากว่า 15,000 วัด ไหงดันไปเป็นเรื่อง พุทธมณฑล ไม่ทราบ..

Leave a Reply