ปลัดเก่ง..เปิดสนามเด็กเล่นเมืองร้อยเอ็ด ยกแบบอย่าง “สมเด็จย่า” ในการเลี้ยงดูพระราชโอรส -พระราชธิดา

วัน ที่ 31 ม.ค. 67   เวลา 09.00 น. ที่บึงพลาญชัย อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาบึงพลาญชัย จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายชูศักดิ์ ราชบุรี นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายศิริพันธ์ ศรีกงพลี รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ คนที่ 25 นายสุธน ศรีหิรัญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย อาจารย์ดิสสกร กุนธร ประธานมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา นายธวัชชัย ฟักอังกูร ประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นายสมพร ใช้บางยาง ประธานเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ รองศาสตราจารย์ ดร.ชุมเขต แสวงเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ข้าราชการ และพี่น้องประชาชน ร่วมพิธี โอกาสนี้ นายบรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ พนักงานเทศบาล ประธานชุมชนในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร่วมให้การต้อนรับ

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะ สักการะพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ร้อยเอ็ด ภายในบึงพลาญชัย และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่อาจารย์ดิสสกร กุนธร ประธานมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา นายธวัชชัย ฟักอังกูร ประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรองศาสตราจารย์ ดร. ชุมเขต แสวงเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะหน่วยวิจัยและออกแบบเพื่อคนทั้งมวล คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้ให้การสนับสนุน เสร็จแล้วเป็นประธานกล่าวเปิด พร้อมทำพิธีเปิดสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาบึงพลาญชัย

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา พื้นที่เล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ พื้นที่แห่งการสร้างพัฒนาการที่ดีของเด็ก ซึ่งอาจารย์ดิสสกร กุนธร ประธานมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ได้ศึกษาพระราชจริยวัตรของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “สมเด็จย่า” ผ่านหนังสือพระนิพนธ์ “แม่เล่าให้ฟัง” และ “เจ้านายเล็ก ๆ ยุวกษัตริย์” ทำให้ได้เรียนรู้ว่า พระองค์ทรงเลี้ยงดูพระราชโอรส และพระราชธิดา ด้วยการให้ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ เล่นกับดิน ดูแลกันและกัน จนกระทั่งพระโอรสองค์เล็กได้เติบโตเติบใหญ่เป็นมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีความเป็นเลิศด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของโลก คือ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระโอรสพระองค์กลาง เป็นยุวกษัตริย์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระธิดาพระองค์โต คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้ทรงช่วยเสริมสร้างการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ชาติไทย

“การพัฒนาคนในช่วงที่สำคัญที่สุด คือ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 7 ขวบ เพราะเป็นช่วงที่ IQ ของคนจะพัฒนาประมาณ 70 – 80 % ทำให้มนุษย์มีเหตุมีผล สามารถตัดสินใจจากข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งการที่เด็กจะมี IQ ที่ดีได้นั้นอยู่ที่การเลี้ยงดู ทั้งอาหารการกิน การละเล่น การออกกำลังกาย โดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกินที่จะส่งผลให้เด็กได้รับสารอาหารที่เหมาะสมกับวัย สอดคล้องกับที่แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน ภริยานายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี ได้กล่าวกับแม่บ้านมหาดไทยภาคกลางและภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2567 ว่า “ให้ส่งเสริมการบริโภคไข่ไก่ อย่างน้อยวันละ 2 ฟอง โดยเฉพาะไข่ขาวที่เป็นแหล่งรวมโปรตีน มีประโยชน์ในการสร้างกล้ามเนื้อ จึงเป็นที่มาของการมีหนังสือแจ้งทุกจังหวัดให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและท่านนายอำเภอได้ร่วมกับผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนเลี้ยงไก่ไข่ รวมทั้งให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และทุกโรงเรียนได้จัดพื้นที่ให้เด็กได้เลี้ยงไก่ประจำตัว คนละ 2 ตัว เพื่อให้เด็กทุกคนได้บริโภคไข่ไก่ เพราะเด็กต้องได้รับสารอาหารที่ดี ทั้งโปรตีนจากไข่ไก่ ควบคู่กับการปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงต้น

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า การออกกำลังกายผ่านการละเล่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เด็กได้มีโอกาสในการพัฒนาร่างกายจากการเล่น ดังที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเลี้ยงพระราชโอรส พระราชธิดาทั้ง 3 พระองค์ให้เล่นดิน เล่นน้ำ เล่นทราย เล่นปีนป่ายอยู่กับธรรมชาติ ซึ่งหากเราย้อนไปสมัยเรายังเด็ก เราทุกคนต่างได้วิ่งเล่นบนหัวคันนา ช้อนปลากัด ดึงสายบัว เอาก้านกล้วยมาทำม้าวิ่ง ปั้นดิน ปั้นทราย เล่นขายของ เล่นซ่อนแอบ ซึ่งเป็นการเลี้ยงดูบุตรด้วยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ โดย “สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา” ได้น้อมนำแนวทางการเลี้ยงดูบุตรของพระองค์ท่าน และภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย ประยุกต์ผ่านการสร้างฐานการเรียนรู้ในสนามเด็กเล่น อันจะทำให้เด็กเล็กให้มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งด้านร่างกาย สมอง อารมณ์ จิตใจ สังคม และวินัย เพราะจะทำให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ได้ฝึกการมีสังคม การอยู่ร่วมกับคนในสังคม มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การแบ่งปัน และยังทำให้เด็กมีพัฒนาการเจริญเติบโตที่ดี สมองมีการพัฒนาเรื่องความจำ ความคิดริเริ่ม การตัดสินใจ เพราะการที่เด็กปีนต้นไม้จะต้องฝึกจิตใจให้กล้าหาญ สมองต้องคิดตัดสินใจ เป็นต้น

“ขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และแม่บ้านมหาดไทย ได้ช่วยนำตัวอย่างที่ดีของสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาแห่งนี้ ขยายผลไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ในทุกตำบล/หมู่บ้าน เพื่อที่เราจะได้ทำตามคำมั่นสัญญาในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างทั่วถึง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (UN SDGs) ที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับหัวหน้าผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย 76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน “โลกนี้เพื่อเรา” ทั้งนี้ สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ต้องเกิดจากการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่น เพราะสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาสามารถทำได้เองด้วยการร่วมกันบริจาควัสดุอุปกรณ์ แรงงานก็สามารถรวมพลังคนในชุมชนโดยไม่ต้องจ้าง ถ้าเราช่วยกันสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ความสุขของผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็จะเกิดทันที เพราะเราได้เห็นเด็กมีความสนุกสนานวี้ดว้ายกระตู้วู้ ได้รับการพัฒนา และท้ายที่สุดพวกเราทุกคนจะได้มีความสุขที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเด็กไทยให้เติบโตเป็นคนไทยที่มีคุณภาพและมีความสุขอย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย

นายชูศักดิ์ ราชบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า บึงพลาญชัยถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดร้อยเอ็ด มีลักษณะเป็นเกาะกลางน้ำขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ 124 ไร่ โดยพระยาสุนทรเทพกิจจารักษ์ (ทอง จันทรางศุ) ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด คนที่ 3 ได้นำชาวบ้านประมาณ 40,000 คน ขุดบึง เมื่อปี พ.ศ. 2469 ซึ่งปัจจุบันบึงพลาญชัยเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด และนักท่องเที่ยว มีสวนไม้ดอกขนาดใหญ่ มีพันธุ์ไม้ร่มรื่น และในบึงมีปลาชนิดต่าง ๆ หลายพันธุ์ นอกจากนั้น ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลต่าง ๆ ของจังหวัดร้อยเอ็ด มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวร้อยเอ็ดเคารพนับถือ พระพุทโธดม พระพุทธรูปปางลีลาขนาดใหญ่ ภูพลาญชัย มีลักษณะเป็นน้ำตกจำลอง สนามเด็กเล่น และสวนสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนได้ออกกำลังกาย อันเป็นการเสริมสร้างพลานามัยที่ดีให้แก่พี่น้องจังหวัดร้อยเอ็ด และในวันนี้ บึงพลาญชัยได้มีสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาบึงพลาญชัย จังหวัดร้อยเอ็ด โดยได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา และกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยต้องขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนที่สร้างโอกาสให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาการเรียนรู้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

นายบรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด กล่าวว่า สนามเด็กเล่นสร้างปัญญาบึงพลาญชัย มีพื้นที่ 1 ไร่ 3 งาน เกิดจากความร่วมมือร่วมใจจากหลายภาคส่วนเพื่อเพิ่มพื้นที่ส่งเสริมให้เด็กได้เคลื่อนไหว ได้มีกิจกรรมทางกาย ออกกำลังกายเล่นสนุกตามธรรมชาติที่เหมาะสมกับช่วงวัย งบประมาณ 2.5 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา 2 ล้านบาท และงบโครงการสร้างเสริมสุขภาพชุมชนเพื่อเมืองร้อยเอ็ดน่าอยู่สู่ความยั่งยืนจาก สสส. 500,000 บาท ซึ่งสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาแห่งนี้จะทำให้เด็กในจังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดใกล้เคียงได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

Leave a Reply