เปิดคำชี้แจง “เจ้าคุณสุมินทร์” ด้าน “เจ้าคุณประสาร” ระบุ ต้องตอบสังคมให้ได้!!

วันที่ 29 เมษายน 2567  จากกรณีที่ปรากฏข่าวตามสื่อต่าง ๆ ว่ามีพระสงฆ์สามเณรและคฤหัสถ์กลุ่มหนึ่งเข้าไปในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ และปรากฎชื่อพระศรีสัจญาณมุนี ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์ชัยภูมิ มจร รวมอยู่ด้วยนั้น  วันนี้มีรายการงาน พระศรีสัจญาณมุนี หรือ “เจ้าคุณสุมินทร์” รองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ ได้ทำหนังสือรายการต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) โดยได้ปฎิเสธว่าไปล่าสัตว์หรือพกอาวุธเข้าไปในเขตอุทยาน ซึ่งปรากฎในหนังสือรายงานบางตอนว่า

“ตนเอง (พระศรีสัจญาณมุนี) พร้อมด้วยพระภิกษุ 2 รูป สามเณร 2 รูป รวมเป็น 5 รูป ได้ไปศึกษาธรรมชาติ หลักเร้นเพื่อไปหาความวิเวก เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2567 ต่อมีศิษย์วัดประมาณ 4 คนไปสมทบ โดยคณะสงฆ์กับลูกศิษย์แยกย้ายกันเดินทางและพักแรม ซากกระดูกที่ปรากฎเป็นซากกระดูกที่บังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมีการบันทึกวีดีโอหรือภาพเคลื่อนไหวไว้ แต่ไม่ได้นำมาเผยแพร่ ในวันที่ 25 เมษายน 2567 ขณะลงจากสันเขา มีลูกศิษย์ล่วงหน้าไป 1 คน ได้ยินเสียงปืนประมาณ 5 นัด ต่อมามีพระมาเรียกให้ไปอยู่ร่วมกับสามเณร จากนั้นจึงค่อยหาทางกลับวัดพร้อมพระและสามเณร..”

ตอนท้ายหนังสือรายงาน พระศรีสัจญาณมุนี ได้ชี้แจงต่ออีกว่า พระภิกษุสามเณรทั้งหมดไม่ได้ร่วมพกอาวุธปืนหรืออาวุธใด ๆเพื่อล่าสัตว์ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใดทั้งสิ้น พร้อมทั้งปฎิเสธว่ามีการยิงต่อสู้กันนั้นก็ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด พร้อมกราบขออภัยที่ทำให้มหาวิทยาลัยเสียชื่อเสียง

ด้าน  พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือเจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้กล่าวว่า บัดนี้มหาวิทยาลัยได้รับหนังสือรายงานจากพระศรีสัจญาณมุนี แล้วในส่วนที่ถูกกล่าวหานั้นทุกรูปได้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจแล้ว ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ให้ไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม ในส่วนของมหาวิทยาลัยนั้นก็จะดำเนินการรวบรวมหลักฐานจากสามฝ่ายคือ จากกรมอุทยานในฐานะผู้กล่าวหา จากพระศรีสัจญาณมุนี ผู้ถูกกล่าวหาและจากผู้คนแวดล้อมและรวมทั้งจากสื่อมวลชนต่างๆด้วยเพื่อจะได้จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากหลักฐานจากทั้งสามส่วนนั้นแล้วก็จะได้ประสานกับสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติด้วย ในฐานะที่มีภาระหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์และในขณะเดียวกันโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ได้ให้ข่าวยืนยันข้อเท็จจริงในบางเรื่อง บางประเด็นโดยอ้างจากรายงานของผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชัยภูมิด้วย

ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง อะไรเป็นเรื่องของกฎหมายก็ดำเนินการไป อะไรที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยก็ดำเนินการไปโดยไม่ชักช้า ตอบสังคมให้ได้ นี่คือคำตอบในเรื่องนี้

Leave a Reply