วันที่ 23 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประพัฒณ์พงศ์ พุ่มไชย ทนายความ พร้อม คณะศิษยานุศิษย์ พระครูผาสุกวิหารการ หรือ หลวงพ่อสมพงษ์ เจ้าอาวาสวัดอ่างสุวรรณ เจ้าคณะอำเภอทับสะแก พร้อมคณะสงฆ์อำเภอทับสะแก ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพบ นพ.นพรัตน์ ชัยเจริญวิมลกุล รักษาการ ผอ.รพ.ทับสะแก พร้อมผู้บริหาร รพ. และ นายทนงศักดิ์ รุ่งรัศมี ปลัดอาวุโสอำเภอทับสะแก
จากกรณีเมื่อช่วงเที่ยงคืนวันที่ 9 ก.ย. ต่อเนื่องวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ พระครูผาสูกวิหารการ หรือหลวงพ่อสมพงษ์ เจ้าอาวาสวัดอ่างสุวรรณ เจ้าคณะอำเภอทับสะแกจำวัดอยู่ที่วัดอ่างสุวรรณ นั้น เกิดอาพาธด้วยอาการปวดท้องอย่างฉับพลัน ถึงขนาดปัสสาวะเล็ด ก่อนโทรให้ญาติโยมพาไปส่ง รพ.ทับสะแก อย่างเร่งด่วน
แต่เมื่อไปถึง รพ. นายโจ้ คนขับรถวัดได้เลี้ยวรถเข้าไปใน รพ. ถึงบริเวณหน้าห้องฉุกเฉินกลับไม่พบบุคลากรทางการแพทย์ให้การช่วยเหลือ หรือแม้แต่เวรเปลก็ยังเฉยเมยไม่ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ จน นายโจ้ ต้องถามว่ารถเข็นนี้ใช้ได้ไหม และไปเอารถเข็นมาให้หลวงพ่อนั่งเพราะขณะนั้นแทบจะยืนทรงตัวไม่ไหว แล้วเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินเรียกให้บุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่เวรมาช่วยหลวงพ่อ
เมื่อ หลวงพ่อสมพงษ์ เข้าไปในห้องฉุกเฉิน นายโจ้ และแม่ชีสิริพร ถูกไล่ให้ไปรอข้างนอก ทั้งยังแสดงอาการเฉยเมยใส่ แล้วพูดกับหลวงพ่อว่า ป่วยเป็นอะไรมา ทำไมเวลากลางวันไม่รู้จักมา หลวงพ่อก็ตอบว่า เพิ่งปวดเมื่อประมาณเที่ยงคืนนี้เอง ตอนกลางวันก็ยังดีอยู่ จากนั้นบุคลากรทางการแพทย์คนเดิมก็พูดกับคนอื่นๆ ว่า พระนี่ใช่ไหมที่รักษาคนถูกงูกัด จนทำให้ถูกตัดขามาหลายคนแล้ว โดยไม่ได้มาสนใจไยดีหรือให้การช่วยเหลือในการรักษาพยาบาลแต่อย่างใด เพียงแต่ให้ขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียงแล้วเดินจากไป
หลวงพ่อนอนรออยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่กลับไม่มีใครมาสอบถามอาการแต่อย่างใด หลวงพ่อจึงต้องนอนรอต่อไป ก่อนจะฝืนทรงตัวลุกขึ้นนั่งแล้วแล้วเดินออกมานอกห้องบอกกับ นายโจ้ และ แม่ชีศิริพร ว่าไปโรงพยาบาลประจวบฯ กันเถอะ ที่นี่เขาไม่สนใจที่จะช่วยเหลือเรา ขืนนอนรอที่นี่ต่อไปคงต้องตายแน่
จากนั้น นายโจ้ และ แม่ชีศิริพร ได้รีบพาหลวงพ่อไปส่งที่ รพ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี ผลการตรวจพบว่าป่วยด้วยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบรุนแรง ต้องสวนท่อปัสสาวะ ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่หลวงพ่อมีอายุมากแล้ว บ่อยครั้งที่ต้องนั่งทำพิธีหรือเป็นพระปัชฌาย์บวชพระหลายๆ รูปต้องอันปัสสาวะเป็นเวลานานๆ
ขณะที่คณะศิษย์ของหลวงพ่อสมพงษ์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว โดยเฉพาะคนที่พูดจาต่อว่าและดูหมิ่นเหยียดหยามหลวงพ่อ เป็นการกระทำที่ไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามหลวงพ่อซึ่งหน้า ด้วยการนำข้อความอันเป็นเท็จมาใส่ความ หากไม่เห็นแก่คนแก่ก็สมควรเห็นแก่ผ้าเหลืองบ้าง ไม่คิดบ้างว่าใน 1 ปี หลวงพ่อจะป่วยให้เป็นภาระสักกี่ครั้ง ถ้าขี้เกียจรับภาระรักษาทำไมไม่ส่งต่อไปโรงพยาบาลอื่นเรื่องจะได้จบๆ จึงเป็นการกระทำที่ไม่น่าให้อภัย และการที่หลวงพ่อช่วยรักษาคนที่ถูกงูกัดให้รอดตายโดยไม่ได้เรียกร้องค่าใช้จ่ายหรือหวังกำไรเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐอีกทางหนึ่งด้วย
ปัจจุบันทางวัดได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขในการรักษาชาวบ้านด้วยตำรายาโบราณ ดังนั้นบุคลากรทางการแพทย์ รพ.ทับสะแก ที่อยู่เวรในวันดังกล่าวทั้งหมดจึงต้องรับผิดชอบในการกระทำ โดยคณะศิษย์ของหลวงพ่อสมพงษ์จะไม่ทนอีกต่อไป ไม่ประสงค์ไม่ไว้ใจให้กลุ่มบุคคลที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ดังกล่าว ดูแลสุขภาพของชาวทับสะแก และไม่ต้องการให้อยู่ในพื้นที่นี้ทุกหน้าที่อีกต่อไป จึงขอเรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องทุกลำดับชั้นของบุคคลดังกล่าว ดำเนินการ ดังนี้
1.แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาเป็นธรรมและตรวจสอบได้คืนความเป็นธรรมให้หลวงพ่อสมพงษ์อัคคปัญโญ เจ้าอาวาส วัดอ่างสุวรรณ เจ้าคณะอำเภอทับสะแก, 2.ดำเนินลงโทษทั้งทางวินัยและการพิจารณาความดีความชอบประจำปี, 3.พิจารณาให้ย้ายบุคลากรทางการแพทย์ดังกล่าวทั้งหมดออกนอกพื้นที่อย่างถาวร เพื่อไม่ให้กลับมาล้างแค้นกับพ่อสมพงษ์ และคณะศิษย์ในภายหลัง และเพื่อสุขภาพกายสุขภาพจิตที่ดีของชาวทับสะแกต่อไป
จากนั้นทั้งหมดได้เดินทางไป สภ.ทับสะแก เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวัน พร้อมตรวจสอบวันเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบพยานหลักฐานเพื่อที่จะได้ดำเนินการต่อไป
ที่มา..ข่าวสด
Leave a Reply