“มหานรินทร์” เปิด Timeline อาณาจักร ไร่เชิญตะวัน พันล้าน

วันที่ 20 ตุลาคม 2567 พระมหานรินทร์ นรินฺโท ป.ธ. 9 อดีตแอดมินเพจ alittlebuddha เจ้าอาวาสวัดไทยลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา พระนักวิจารณ์สังคมสงฆ์ชื่อดังได้โพสต์เฟชบุ๊คส่วนตัว เปิด Timeline อาณาจักร ไร่เชิญตะวัน เล่าความเป็นมาว่า

ช่วงก่อตั้งถึงฟอกตัวเองจากข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาตินั้น มีใครอยู่เบื้องหลังขบวนการทำความผิด
ไร่เชิญตะวัน ก่อตั้งโดย พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี อดีตพระในสังกัดวัดเบญจมบพิตร กรุงเทพมหานคร ได้ย้ายตัวเองออกไปสร้างอาณาจักรใหม่ในท้องที่จังหวัดเชียงราย ได้ระดมทุนกว้านซื้อที่ดินบริเวณใกล้ๆ กับสนามบินจังหวัดเชียงราย ได้มากมายเป็นจำนวนกว่า 170 ไร่ (ข้อมูลล่าสุดอยู่ที่ 190 ไร่)
วัน-เดือน-ปี ที่เริ่มสร้างอาณาจักรเชิญตะวันขึ้นมาก็คือ 29 มกราคม พ.ศ.2552

 

วัตถุประสงค์หลักก็ตามชื่อ คือเป็นศูนย์วิปัสสนา เป็นสถานบำเพ็ญธรรมอันสงบเรียบง่ายตามวิถีพุทธ แต่ต่อมาปรากฏว่า มีการเพิ่มเติมโครงการสารพัดเข้าไป ทั้งการอบรม สัมมนา การค้าการขาย การจัดอีเว้นเต้นรำทำเพลง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวหารายได้ ไม่ต่างไปจากรีสอร์ต ที่สำคัญก็คือ หน่วยงานราชการ ทั้งท้องถิ่นและส่วนกลาง ได้รับเชิญให้เข้าไปใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อจัดงาน ทำให้ไร่เชิญตะวันกลายเป็น “ศูนย์อำนาจ” แห่งใหม่ ในภาคเหนือ พระมหา ว. วชิรเมธี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระราชาคณะ (เจ้าคุณ) ในราชทินนาม พระเมธีวชิโรดม

ในขณะที่ปัญหาวัดพระธรรมกายกำลังประทุอย่างรุนแรงในช่วงปี 2562-2565 นั้น ก็มีกระแส “ชี้เป้า” เข้าไปยังไร่เชิญตะวันว่า “ก็น่าจะมีปัญหาเช่นเดียวกัน เพราะตรวจสอบแล้วพบว่า ไร่เชิญตะวันมีพื้นที่ทับซ้อนกับเขตป่าสงวนแห่งชาติ และวิธีการได้มาก็น่าจะเป็นการกว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านในราคาถูก ๆ ถือว่าผิดเจตนาของการใช้ที่ดิน”

และช่วงนั้นเอง ก็ปรากฏภาพของ “พ.ต.ท.พงศ์พร พรามหณ์เสน่ห์” ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเข้ามาปกครองประเทศด้วยวิธีการทำรัฐประหาร จากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2557 และได้ใช้อำนาจ ม.44 สั่งปลดผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติออกจากตำแหน่ง ตามมาด้วยการแต่งตั้ง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ให้ข้ามห้วยเข้ามาดำรงตำแหน่ง ผอ.พศ. แทน ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560

พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ได้รับฉายา “มือปราบพระ” ในคดีเงินทอนวัดอันลือลั่น สามารถจับพระราชาคณะผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมเข้าคุกตะรางไปหลายรูป รวมทั้งพระสังฆาธิการมากมายในประเทศไทย ล้วนโดนข้อหาเงินทอนวัดทั่วหน้า แบบว่าสะเทือนไปทั่วแผ่นดิน ความตงฉินของพงศ์พร เป็นยิ่งกว่าดาราฮอลลีวูด เพราะสามารถปราบแม้กระทั่งพระในผ้าเหลือง เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็น

และต่อมา พงศ์พร ก็เริ่มสร้างผลงานทางศาสนา เพื่อจะลบคำครหาว่าเก่งแต่หาเรื่อง แล้วธรรมะก็จัดสรร ให้ไปพบกับพระดีพระดังแห่งยุค นามว่า ว.วชิรเมธี คนดีศรีเชียงราย ซึ่งเจ้านายคือ พล.อ.ประยุทธ์ เคยไปเยี่ยมเยือนและมอบรางวัลให้กับมือเลยทีเดียว

พงศ์พร ลงทุนเดินทางไปถึงไร่เชิญตะวันของ ว.วชิรเมธี คุยกันกระหนุงกระหนิง ชื่นชมในผลงานอมตะมหานิรันดร์กาลของท่าน ว. ถึงกับนิมนต์ท่าน ว. เข้าไปอบรมข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตามโครงการของ พศ. ที่กรุงเทพฯ กรณีนี้ก็ไม่ต่างไปจาก “พระต้น” กำลังขึ้นหม้อในโครงการธรรมนาวาวังอยู่ในเวลานี้ มีที่มาแบบเดียวกันเด๊ะ

และทีนี้ว่า เมื่อเกิดปัญหาว่าด้วยที่ดินของไร่เชิญตะวัน ซึ่งทำผิดกฎหมายมาแล้วร่วมๆ 10 ปี ก็เลยมีการเล่นแร่แปรธาตุ จากผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย โดยการวิ่งเต้นให้กรมป่าไม้ยินยอมให้ไร่เชิญตะวัน “ขอเช่าใช้พื้นที่” ก็เป็นอันเรียบร้อยโรงเรียน ว. ต่อไปใครจะหาเรื่องเอาผิดไม่ได้อีกต่อไป สรุปตรงนี้ว่า กระบวนการอุ้ม ว. นั้น เกิดในสมัยรัฐบาลทหาร ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ชัดเจน เป็นรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจด้วยเหตุผล “รัฐบาลประชาธิปไตยโกงบ้านโกงเมือง” แล้วพอตนเองมาเป็นบ้างก็โกงไม่ต่างกัน แบบว่าถ้ามิใช่พวกเรา เขาทำผิด ก็ต้องเอาผิดเต็มเหนี่ยว แต่ถ้าเป็นพรรคพวกของเรา ถึงผิดก็ไม่เป็นไร ช่วยกันทำให้ถูกกฎหมาย ทำไมจะทำไม่ได้ ขนาดรัฐธรรมนูญเรายังฉีกทิ้งแล้วเขียนใหม่ได้ กะอีแค่กฎหมายที่ดินกระจอกๆ จะออกใหม่ซักร้อยฉบับก็ไม่เห็นยาก ปืนและอำนาจอยู่ในมือเสียอย่าง ใครขวางก็ยิง

แต่ในทางกฎหมายหรือในทางพระธรรมวินัยแล้ว การที่ ว.วชิรเมธี ทำผิดกฎหมายและพระธรรมวินัย โดยการเข้ายึดครองที่ดินอย่างผิดกฎหมายมาเป็นเวลานานร่วมๆ 10 ปี แล้วจึงค่อยวิ่งเต้นทำเรื่องผิดให้เป็นถูกในภายหลัง มันก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ไม่ว่าจะในทางกฎหมายหรือทางพระธรรมวินัย

ในทางพระธรรมวินัยนั้น หากมีการทำผิด ก็ย่อมจะผิดโดยอัตโนมัติ การสอบสวนก็เป็นเพียงกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น ส่วนการลงโทษก็ต้องลงโทษนับตั้งแต่เวลาทำผิดเป็นต้นมา ไม่สามารถจะแก้ไขจากผิดให้เป็นถูกได้ ถ้าหากว่าราคาที่ดินที่ ว.วชิรเมธี บุกรุกครอบครองนั้น เกิน 5 มาสกขึ้นไป ก็เข้าข่าย “ปาราชิก” ต้องขาดจากความเป็นพระในทันที

ในทางกฎหมายนั้น มีโทษทัณฑ์ฉันใด ก็มีกรณีเทียบเคียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกรณีของนางสมพ จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และกรณีของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กรณีไร่เชิญตะวันก็ย่อมจะไม่พ้นเงื้อมมือของกฎหมายไปได้

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่า มีกระบวนการสร้างอิทธิพลจนนำไปสู่การฟอกตัวเองของ ว.วชิรเมธี ในหลายด้าน ทั้งการสร้างภาพเป็นคนเด่นดัง การมีสายสัมพันธ์กับเหล่าดารานักแสดง ข้าราชการ นักการเมือง ไปจนถึงสมาชิกในราชสกุล ทำให้เมื่อเกิดปัญหาในทางกฎหมาย เจ้าหน้าที่ระดับล่างก็ไม่สามารถจะบังคับใช้กฎหมายได้อย่างตรงไปตรงมา เพราะพระ ว. กลายเป็นผู้มีอิทธิพลระดับประเทศไปแล้ว ไม่ต่างจาก..ธัมมชโย

พักหลัง ว.หันมาทำงานสงเคราะห์ ทั้งด้านศาสนาและประชาชน สร้างภาพให้คนเห็นว่าตนเองเป็นนักบุญ หว่านเงินทองมากมายไปช่วยเหลือ ทั้งแก่วัดวาอาราม หรือในยามวิกฤต เช่นน้ำท่วมเชียงราย ว.ก็แบกกล้องออกแจกเงิน แต่บังเอิญโชคไม่ช่วย เมื่อเกิดกรณี ดิ ไอคอน กรุ๊ป มีการโกงทำนองแชร์ลูกโซ่มีผู้เสียหายหลายแสน วงเงินนับหมื่นล้าน แถมยังพบว่า หนึ่งในบรรดาพระนักเทศน์ที่ได้รับนิมนต์ให้ไปขึ้นธรรมาสน์ดิไอคอนนั้น มีชื่อของ ว.วชิรเมธี รวมอยู่ด้วย โดยมีภาพของการบริจาคเงิน “ล้าน” ให้แก่พระวอ อย่างเอิกเกริก

แล้วเรื่องทั้งหมดก็วนมาลงตรง “ที่ดินไร่เชิญตะวัน” อันเป็นอาณาจักรของพระวอ ก็ข้อหาเดิมๆ คือ บุกรุกป่าสงวน ซึ่งอาจจะลามไปจนถึง “ที่ไปที่มา” ว่าได้มาโดยชอบหรือไม่อย่างไร

ในวันนี้ บิ๊กตู่ไม่อยู่แล้ว พงศ์พรก็พ้นจากอำนาจไปแล้ว ยังคงหลือแต่ ว. และไร่เชิญตะวัน ที่ยังคงค้างเป็นเศษซากเผด็จการประจานอยู่ที่เชียงราย ดูท่าจะกลายเป็น “ไร่เชิงตะกอน” เข้าไปทุกวัน เพราะมีข่าวล่ามาไวว่า ว. หันไปสร้างวัดใหม่ในประเทศญี่ปุ่นถึง 2 วัดซ้อน (สงสัยเงินเยอะ) แถมพรรษาที่ผ่านมาก็ไปจำพรรษาที่ญี่ปุ่น ก็ไม่รู้ว่าไปติดใจอะไร ทำไมจึงลืมกลับวัด

หรือว่า ว. คนดีศรีเชียงราย จะกลายเป็น..คนดีที่เสียแล้ว

ดูกันต่อไป ว่าจะมีปาฏิหาริย์รอบสอง เสกเป่าให้ไร่เชิญตะวันเป็นพระอารามหลวงหรือ???

Leave a Reply