ทนายธรรมราช-พระปืนเสาทีมเดียวกัน ป้อง “ตบธรรมราชเท่ากับตบหัวใจคนไทยพุทธ” เห็นพ้องฟ้องสำนักพุทธฯ
คนวงในชี้มิสเตอร์ดี-ประพันธ์ แห่ง อปพส.ยืนเคียงข้าง ชี้สายนี้พุ่งเป้าไปที่โหนกระแสเปิดฉากแพรี่-ไพรวัลย์เมื่อครั้งปะทะพระชาตรี ทนายธรรมราชฟ้องต่อเนื่องถึงกรณีเชื่อมจิต จนมาถึงอาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรมทนายด้วยกันอ่านแทงสวนแล้วโตเร็ว ห่วงดึงต่างศาสนามาสร้างความขัดแย้ง
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 เรื่องราวของทนายความคนดังยังคงอยู่ในความสนใจของคนทั้งประเทศ เพียงแต่เรื่องของทนายตั้มนั้นมีความซับซ้อนและมูลค่าความเสียหายสูง อีกกรณีหนึ่งที่มีการตบปากทนายธรรมราช สาระปัญญา ต่อหน้าสื่อมวลชน ขณะกำลังแถลงข่าวที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2567
หากย้อนกลับไปเพียง 1 วันคือเมื่อ 31 ตุลาคม 2567 พระครูปลัดธีระ หรือพระปีนเสา ได้เดินทางที่อาคารมาลีนนท์ เพื่อขอพบนายกรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ดำเนินรายการ โหนกระแส ที่นำเสนอข่าวการโจมตีพุทธศาสนา หลังจากที่มีการนำเอาอาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม มาออกอากาศ
เมื่อเกิดเหตุการณ์บุกตบทนายธรรมราช พระครูปลัดธีระ จึงเดินทางไปกองปราบปราม เพื่อแจ้งความเพื่อให้มีการดำเนินคดีกับผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้องระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 ว่ามีการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบในการเข้าตรวจค้นสำนักปฏิบัติธรรมพุทธยันตรี 2,600 ปี ในตำบลห้วยพลู อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา และการนำหนังสือจากเจ้าอาวาสวัดสามชุกเรื่องแจ้งให้กลับวัด ไปแจ้งที่สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา
ในวันดังกล่าวพระครูปลัดธีระ กล่าวว่า “การตบทนายธรรมราชเท่ากับตบหัวใจคนพุทธด้วย”
ถัดมา 6 พฤศจิกายน 2567 ที่กระทรวงยุติธรรม นายแทนคุณ จิตต์อิสระ พร้อมด้วยน.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อเป็นหนึ่ง พาผู้เสียหายกรณีใช้บริการของทนายความธรรมราช และทีมงานจนถูกศาลมีคำสั่งอายัดบ้าน เข้าร้องขอความเป็นธรรมเพื่อหาทางออก ในส่วนของกรมบังคับคดีที่ยึดทรัพย์ไว้ขายทอดตลาด
“กรณีนี้เป็นคนละกรณีกับเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ดูคาติ ที่เคยใช้บริการทนายความรายนี้ที่เป็นข่าวมาก่อนหน้า แต่รูปแบบความเสียหายคล้ายกันและเป็นทนายดังคนเดียวกัน” อี้ แทนคุณ กล่าว
วันเดียวกัน ทนายธรรมราชได้โพสต์ข้อความตอบโต้ จะไปร้องเรียนอะไรเกี่ยวกับผม ต้องพูดข้อเท็จจริงให้หมด และให้ตรงกับความเป็นจริงนะครับ ปัญหานี้แก้ง่ายนิดเดียว ติดหนี้ก็เอาตังค์ไปจ่ายก็จบ หรือถ้าไม่มีตังค์ก็ยืมเอาจากท่านประธานหญิงคนสวยไปจ่ายก่อนก็ได้ อย่าคิดใช้เวทีร้องเรียนมาเพื่อเคลียร์หนี้ มันเป็นทางที่ไม่ถูกต้องนะครับ
ในส่วนของลูกความ หากประสงค์จะแก้ไขปัญหาในวิธีการที่ถูกต้องก็ต้องมาคุยกัน ที่บอกว่าติดต่อทางผมไม่ได้ อันนี้ไม่จริงเลยครับ ของผมมีตัวตนชัดเจน ติดต่อได้ตลอด ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งที่ออฟฟิศ และโซเชียลออนไลน์ อย่ามาใส่ร้ายผม ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ แต่ถ้าแก้ปัญหาโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ปัญหาอาจจะลุกลามบานปลายได้ ฝากไว้ให้คิด นะครับ
ทีมเดียวกัน
หนึ่งในผู้ที่ติดตามข่าวสารด้านพุทธศาสนากล่าวว่า ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าการเคลื่อนไหวของพระครูปลัดธีระ และทนายธรรมราช จะมีทีมที่สนับสนุนอยู่ด้านหลังที่เคยออกงานด้วยกันหลายโอกาส คนที่ติดตามข่าวด้านวงการพุทธศาสนาย่อมคุ้นหน้าคุ้นตากับนายประพันธ์ กิตติฤดีกุล เลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ (อปพส.) ที่ร่วมงานกับทั้งทนายธรรมราช และพระครูปลัดธีระ
ช่วงที่พระครูปลัดธีระออกมาเคลื่อนไหวที่ช่อง 3 หลายคนก็พอจะคาดเดาออกว่างานนี้อาจมาในสายเดียวกับทนายดังที่มีข่าวฟ้องกับผู้บริหารของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาช่อง 3 วันที่ 31 ตุลาคม 1 พฤศจิกายน ทนายธรรมราชถูกทำร้ายร่างกาย 5 พฤศจิกายน พระปีนเสาไปแจ้งความดำเนินคดีกับ ผอ.สำนักพุทธฯ พร้อมทั้งพูดปกป้องทนายธรรมราชที่ถูกทำร้ายว่า การตบทนายธรรมราชเท่ากับตบหัวใจคนพุทธด้วย
นายประพันธ์ ไปพร้อมกับพระปีนเสา ทั้งที่ช่อง 3 และที่กองปราบ และหลายครั้งที่นายประพันธ์ ไปยืนข้างๆ ทนายธรรมราชแถลงข่าวในหลายโอกาส 22 กุมภาพันธ์ 2567 ทั้งทนายธรรมราช และนายประพันธ์เคยร่วมกันยื่นคัดค้านกฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวและมรดก ที่รัฐสภา
ทนายความรายหนึ่งกล่าวว่า ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าทนายธรรมราชจะ Focus เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ที่มาออกในรายการโหนกระแสเป็นหลัก รายการมีแนวโน้มไปทางไหน ทนายธรรมราชจะออกมาสวนทันที
เป้าแรกน่าจะเป็นกรณีของแพรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ที่ออกมาปะทะพระชาตรี ที่รัสเซีย หลังรายการทนายธรรมราชแจ้งความแพรี่ทันที รวมไปถึงบุคคลอื่นๆ ที่ถูกทนายรายนี้ฟ้อง แม้กระทั่งการแซะเรื่องอาการป่วยของทนายด้วยกัน จนถูกร้องมรรยาททนายความหลายครั้ง สุดท้ายก็แค่ตักเตือน
ถ้ามองในแง่ของทนายความด้วยกัน พอจะอ่านกันได้ว่า ทนายความในสายพุทธศาสนามีเพียงไม่กี่คน การเข้ามาในตลาดนี้ย่อมทำให้มีโอกาสหาลูกความได้ไม่ยาก แต่วิธีการที่เข้ามานั้นถ้าเข้ามาแบบธรรมดา คนทั่วไปจะรู้จักช้า ทางลัดคือต้องจับคดีใหญ่ที่เป็นกระแสที่คนทั่วบ้านทั่วเมืองกล่าวถึง และต้องสวนกับกระแสเพื่อสร้างจุดสนใจให้คนหันมามอง เป็นแบบนี้สื่อวิ่งเข้าหาคุณแน่นอน คุณจะกลายเป็นคนดังขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว
ทางลัดหาลูกค้า
ยิ่งถ้าโหนกระแสเปิดประเด็นด้านพุทธศาสนากรณีใหม่ๆ ออกมาแล้ว ทนายเลือกยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามอีก ย่อมเป็นการต่อยอดกระแสความสนใจให้ทนายท่านนั้นต่อไป จึงไม่แปลกที่เราได้เห็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายกรณีเชื่อมจิต นิรมิตเทวาจุติ เป็นทนายธรรมราช
การเป็นคู่กรณีกับคนดัง แพรี่ ไพรวัลย์ อาจารย์จาตุรงค์ อาจารย์เบียร์คนตื่นธรรม ทนายอนันตชัย ต้นอ้อ อี้แทนคุณ และหนุ่มกรรชัย ไม่ต่างไปจากการขึ้นลิฟต์ในการสร้างชื่อเสียงให้ตัวทนายและสำนักงานกฎหมายของตัวเอง
เมื่อสามารถสร้างกระแสให้เป็นที่สนใจของสื่อได้แล้ว ทุกการเคลื่อนไหวจึงเป็นที่สนใจ มีผลต่อการดึงให้ลูกความเข้าไปใช้บริการ ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะเป็นเครดิตว่ามีความรู้ความชำนาญเรื่องคดีที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ซึ่งก่อนหน้านี้เขาพยายามสร้างการรับรู้ว่าเชี่ยวชาญเรื่องคดีไฟแนนซ์หรือเช่าซื้อรถ
ทนายที่อยู่ในสายตาสื่อส่วนใหญ่แล้วจะเลือกจับคดีใหญ่ที่คนให้ความสนใจ ไม่เน้นที่ผลของคดีเพราะคนไม่สนใจ แพ้ก็เงียบๆ ชนะก็ประโคมข่าว
โดยทั่วไปแล้วทนายต้องมีทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย ถ้าลูกความเราผิดควรแนะนำให้ยอมรับสารภาพ ไม่ใช่ยุให้สู้เพื่อยื้อคดีออกไป หรือหาทางขยายวงไปส่วนอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง เพียงเพื่อหวังเลี้ยงคดีไปเรื่อยๆ
แหล่งข่าวจากวงการพุทธศาสนากล่าวว่า ดูเหมือนว่าอดีตพระมหาไพรวัลย์ อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม จาตุรงค์ จงอาษา หนุ่ม กรรชัยและอีกหลายคนจะกลายเป็นเป้าใหญ่ให้สายที่เห็นต่างได้ออกมาเห็นแย้งในเรื่องราวต่างๆ
อย่างล่าสุดที่รายการโหนกระแสเชิญแพรี่ ไพรวัลย์ อาจารย์เบียร์ มาพูดคุยร่วมกับพระครูปลัดธีระ เมื่อ 7 พฤศจิกายน 2567 เพจของประพันธุ์ กิตติฤดีกุล ก็โพสต์ภาพแพรี่เมื่อครั้งยังบวชเป็นพระ พร้อมข้อความจริงมั้ย? โดยในภาพมีข้อความเขียนว่าภาพที่หาดูยาก อดีตพระไพรวัลย์ วรรณบุตร (แพรี่) ร่วมทีมมุสลิมและสันติอโศก
จากนั้นแพรี่-ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้โพสต์ตอบโต้ว่า ก็อย่าโง่นักเลยค่ะไอ..ประพันธ์
สงสัยอะไรให้มาถามด้วยตัวเองได้ค่ะ ไม่ใช่เอารูปดิฉันไปโพสต์เพื่อชวนให้คนพุทธสมองตีบประเภทเดียวกันกับคุณเข้าใจผิด แล้วเดี๋ยวก็โจมตีดิฉันด้วยประเด็นคนต่างศาสนาอีก
ดิฉันรู้ทันพวกคุณค่ะ คุณไม่อายหมาอายแมวบ้างหรือยังไง
คุณอัยย์ เพชรทอง ติดคุก 5 ปี เพราะอะไรคะ ไม่ใช่เพราะความอคติและความเกลียดชัง ความใส่ร้ายป้ายสีคนต่างศาสนาแบบไม่ลืมหูลืมตาหรอกหรอ?
หรือต้องให้คุณเข้าไปอยู่ในคุกก่อน ถึงจะคิดได้คะ
จริงๆ รูปที่คุณเอามาโพสต์เนี่ย มันไม่มีอะไรเลย ดิฉันไปร่วมงานเสวนาของสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหิดล ไปพักที่ปัตตานี แล้วคุณจันทร์เขาชวนดิฉันไปบิณฑบาตโปรดชาวพุทธที่นั่นตอนเช้า แต่ด้วยตลาดกับที่พักมันไกลกัน คุณจันทร์แกก็เลยจ้างพี่วินที่เป็นคนมุสลิมไปส่ง ก็แค่นั้นเลย
ความคิดพวกคุณมันทรามเนอะ กี่ปีๆ ก็ยังใช้วิธีการแบบเดิม สันดรแบบเดิม ดิฉันรู้สึกละอายใจแทนคนต่างศาสนาจริงๆ ที่มีเพื่อนพุทธบริษัทแบบคุณ
ก่อนจะปกป้องศาสนา คุณต้องปกป้องสติปัญญาในสมองคุณเอาไว้ให้เยอะๆ ก่อนค่ะ อย่าปล่อยมันให้ไหลไปกับโถส้วมตอนคุณถ่ายหนักซะหมด มันน่าสมเพช
ธรรมราชออกตัวไม่เคยสร้างความแตกแยก
คนที่ก่อเหตุทำร้ายทนายธรรมราชได้ออกมาพูดถึงสาเหตุว่า ไม่พอใจที่ทนายเคลื่อนไหวเรื่องศาสนาอิสลาม ส่วนจะจริงหรือไม่อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม เราก็ตามเรื่อง อปพส.มาตั้งแต่แรกเดิมอัยย์ เพชรทอง เป็นหัวขบวน เมื่อคุณอัยย์ติดคุก คุณประพันธ์ก็ขึ้นมาแทน แนวทางยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
หลังจากที่ทนายธรรมราชถูกทำร้าย ก็ได้ออกมาโพสต์ว่า ผมไม่เคยสร้างความแตกแยกระหว่างศาสนา ผมเพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายบางฉบับ จึงยื่นคัดค้านและให้ความเห็นแย้งเรื่อยมา ซึ่งการไม่เห็นด้วยและการเห็นแย้งในข้อกฎหมายนั้นเป็นสิทธิพึงกระทำได้โดยชอบตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ดังนั้นแล้วทุกคนมีสิทธิที่จะเชื่อและศรัทธาในแบบของคน อันนี้ผมไม่ก้าวล่วง ใครอยากจะนับถืออะไรนั้นเป็นสิทธิของบุคคลนั้น แต่ที่ผมเห็นแย้งและคัดค้านมาโดยตลอดคือในเรื่องของกฎหมาย
ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าใครก็ตามแต่ที่ใส่ร้ายใส่ความทำให้ผมได้รับความเสียหาย ผมยืนยันดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดต่อไปครับ
จากนั้น 8 พฤศจิกายน 2567 เพจของทนายธรรมราช และเพจของประพันธ์ กิตติฤดีกุล พร้อมใจกันโพสต์ข้อความของทนายอนันตชัย ไชยเดช ที่เป็นแกนนำที่เห็นต่างกรณีเชื่อมจิต ที่โพสต์ตอบทนายธรรมราชว่า เหตุที่ไม่ตรวจสอบหรือยุ่งเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม เพราะศาสนาอิสลามไม่ได้ทำอะไรผิด ศาสนิกชนอิสลามส่วนใหญ่น่ารัก น่าเคารพ น่านับถือ มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้งด้านบวกและลบ..
ที่มา..หนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์
Leave a Reply