สมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์ นำศิษยานุศิษย์ชาวสุราษฎร์ฯ พร้อมใจบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานอุทิศถวายครบ 7 ปีการมรณภาพ พระเทพพิพัฒนาภรณ์ (ชูชาติ กนฺตวณฺณมหาเถร) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี

วันที่ 3 มี.ค. 68  เวลา 10.00 น. สมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ ที่ปรึกษากรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานอุทิศถวายพระเทพพิพัฒนาภรณ์ (ชูชาติ กนฺตวณฺณมหาเถร ป.ธ.5) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี อดีตเจ้าอาวาสวัดพัฒนาราม พระอารามหลวง อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าไทร ณ ศาลาการเปรียญ วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี

โดยมี พระสังฆาธิการและคณะสงฆ์ร่วมพิธีจำนวนมาก อาทิ พระเทพสิริวชิรเวที เจ้าคณะภาค 16 (ธ) พระราชไพศาลมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 16 (ธ) พระราชปริยัติเวที ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช พระราชระณังควชิรมุนี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระวชิรปริยัตยาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี พระสุนทรวชิรนายก เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ธ) พระโสภณวราภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา พระครูปริยัติคุณาวุธ รองเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี พระครูสัทธาโสภิต รองเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาสในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ในส่วนฝ่ายฆราวาส มีศิษยานุศิษย์ร่วมบำเพ็ญกุศล อาทิ นายพูลศักดิ์ โสภณปทุมรักษ์ นายอำเภอกาญจนดิษฐ์ นางประวิว พรมมานอก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายศิริพงศ์ อริยสุนทร ผู้อำนวยการกลุ่มงานผลิตสื่อการประชาสัมพันธ์ กองสารนิเทศ สนง.ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายธนพล คงดี นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ กลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สนง.วัฒนธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี นางสุชาดา ศิลปพรหมมาศ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี นายศิริพล ใจงาม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าทองใหม่ นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี

สมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์ กล่าวสัมโมทนียกถาความตอนหนึ่งว่า วันนี้ตรงกับวันที่ท่านเจ้าคุณพระเทพพิพัฒนาภรณ์ (ชูชาติ กนฺตวณฺโณ) ถึงแก่มรณภาพเป็นเวลา 7 ปีมาแล้ว คณะศิษยานุศิษย์มีความอาลัยเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่ลืม 7 ปีผ่านพ้นมา เหมือนเพิ่งผ่านพ้นเมื่อ 3-4 วันก่อน ความตั้งอกตั้งใจพร้อมเพรียงสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำบุญอุทิศถวายให้กับพระเดชพระคุณท่านจึงได้จัดบำเพ็ญบุญกุศลเท่าที่จะทำได้ตามประเพณี เพราะความเคารพในครูบาอาจารย์ ด้วยเพราะสมัยที่ท่านเจ้าคุณชูชาติยังมีชีวิตอยู่ ท่านมีเมตตา ท่านมีความรักใคร่เอ็นดูบรรดาศิษยานุศิษย์ ตลอดจนถึงญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายด้วยดีตลอดมา

“พุทธบริษัททุกคน ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร เมื่อมาเข้าหาท่านเจ้าคุณ ท่านก็จะสงเคราะห์ช่วยเหลืออบรมให้ญาติโยมทั้งหลายตั้งอยู่ในศีลในธรรม เป็นคนมีศีล มีธรรม มีคุณภาพในบ้านในเมืองมากต่อมาก ด้วยเพราะชีวิตของท่านนั้น ประการที่ 1 ท่านเมตตารักใคร่เอ็นดูช่วยเหลืออย่างแน่นอนที่สุด ประการที่ 2 ท่านอยู่ครองวัด เห็นแก่ส่วนรวม เห็นความพร้อม เห็นแก่ส่วนรวม มีความสามัคคีในวงการคณะสงฆ์ตลอดมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท่านมีคุณธรรมอยู่ในใจอย่างเหลือล้นที่เดียว ต่อมาเมื่ออายุพรรษามากขึ้นก็เป็นธรรมดาของทุกราย ทุกนาม ทุกรูป มีความตายเป็นที่สุด จนกระทั่งท้ายที่สุดท่านก็มรณภาพเป็นไปตามกาลเวลาโดยทั่ว ๆ ไป และถึงแม้ว่าท่านจะมรณภาพไปแล้ว ผู้อยู่ข้างหลังก็ยังมีความระลึกถึงอยู่ เรียกว่า เป็นสำนักหนึ่ง มีรูปเหมือนรูปปั้นที่บรรดาศิษย์ยานุศิษย์เคารพนับถือบูชา”

สมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำบุญอุทิศนั้นความสำคัญอยู่ที่ตัวเรา “ผู้แสดงความกตัญญูกตเวที” การอุทิศอย่างไรไม่ต้องพูดถึง แต่เรามาพูดถึงให้เห็นชัด ๆ ว่า ความมีน้ำใจ  ความกตัญญูกตเวที ตัวนี้เป็นหลักสำคัญ แล้วก็ได้รับอานิสงส์เป็นมงคลอย่างยิ่ง ดังที่พระท่านสวดในท่อนปลายว่า “ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ แปลว่า การบูชาคนที่ควรบูชาเป็นอุดมมงคล เป็นมงคลสูงสุดที่จะนำชีวิตและสังคมให้เจริญก้าวหน้า” นี่เป็นพุทธดำรัสที่พระพุทธองค์ได้ตรัสในมงคล 38 หัวข้อ ดังนั้น บรรดาศิษยานุศิษย์ของท่านเจ้าคุณชูชาติ ถือว่าบูชาผู้ควรแก่การบูชาได้ไหม ตอบได้ว่า แน่นอนที่สุด เพราะท่านเจ้าคุณชูชาติ คือ ผู้ที่ควรแก่การบูชา ทั้งในฐานะ 1. เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์ 2. เป็นผู้บวชให้เรา 3. ฝึกสอนอบรมให้เรา 4. ดูแลสุขทุกข์ให้แก่เรา ซึ่งบัดนี้ท่านละไปแล้ว จะทำแบบอื่นอย่างอื่นมันก็ไม่ได้ เพราะไม่มีตัวไม่มีตนแล้ว ยังเหลือแต่คุณงามความดีของท่านที่ปรากฏอยู่ในใจเราเท่านั้น “การตอบแทนบุญคุณของท่านด้วยกตัญญูกตเวที บูชาผู้ควรแก่การบูชานี้พูดได้เลยว่า เป็นมงคลอย่างยิ่ง”

สำหรับ พระเทพพิพัฒนาภรณ์ (ชูชาติ กนฺตวณฺณมหาเถร) มีนามเดิมว่า ชูชาติ พัฒนเจริญ ภูมิลำเนา ต.กะแดะ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี อุปสมบทเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2505 ที่วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก ขณะมีอายุ 22 ปี โดย มีพระครูดิตถารามคณาศัย (หลวงพ่อชม) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระกิตติมงคลพิพัฒน์ (หลวงพ่อจ้อย) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ สำเร็จการศึกษา เปรียญธรรม 5 ประโยค นักธรรมเอก มีตำแหน่งทางปกครอง เป็น เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี  เจ้าอาวาสวัดพัฒนาราม พระอารามหลวง เจ้าอาวาสวัดท่าไทร กระทั่งถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2561 สิริรวมอายุ 78 ปี 55 พรรษา ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี 20 ปี (2541-2561)

Leave a Reply