“สุรพศ-สมฤทธิ์” ไม่เห็นด้วยคณะสงฆ์ต้องมี “ศาลสงฆ์” ขณะชาวเน็ตเสียงแตก??

วันที่ 3 มิถุนายน 2568  กรณีเป็นข้อถกเถียงเกี่ยวกับ “ศาลสงฆ์” ควรมีหรือไม่ หลังจาก ศาสตราจารย์ (พิเศษ) วิชา มหาคุณ ได้เคยแสดงทัศนะไว้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2568 ในคราว มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้มีการจัดเสวนาทางวิชาการว่าด้วย “ศาลสงฆ์ โอกาสและความท้าทางของพระพุทธศาสนาและกระบวนการยุติธรรมไทย” จัดโดยนิสิตปริญญาเอก หลักสูตรสตินวัตกรรมและสันติศึกษาว่า คณะสงฆ์ไทยควรยกโมเดลศาล”ศาสนาคริสต์คาทอลิก” สร้างความมั่นคงและยั่งยืน ในการรักษาหลักคำสอนและความศรัทธา มาเป็นแบบอย่าง และล่าสุด พระเมธีวัชรบัณฑิต, ศ.ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรสตินวัตกรรมและสันติศึกษา ระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้เสนอว่า ถึงเวลาที่สังคมไทยต้องมี “ศาลสงฆ์” โดยไวที่สุด เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ซึ่งประเด็นเกี่ยวกับ “ศาลสงฆ์” ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่า ควรมี แต่หลายท่านเห็นว่าไม่ควรมี หลังจาก THEBUDHH ได้เสนอแนวคิดของ “เจ้าคุณหรรษา” หรือ พระเมธีวัชรบัณฑิต ออกไปได้มีบุคคลแสดงความคิดเห็นไว้อย่างหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่สถาบันสงฆ์ต้องมี “ศาลสงฆ์” เช่น สุรพศ ทวีศักดิ์ (นักปรัชญาชายขอบ) ได้ตั้งคำถามไว้ 2 -3 ประเด็นว่า

“เอารัฐธรรมนูญที่ขัดหลักการของรัฐประชาธิปไตยโลกวิสัยเป็นตัวตั้งเพื่อต้องการมีศาลสงฆ์เพื่อรักษาธรรมวินัยให้บริสุทธิ์ แค่ #ข้อเสนอแบบนี้ก็ไม่บริสุทธิ์ แล้ว ถ้า #บริสุทธิ์หมายถึงการทำถูกต้องตามหลักธรรมวินัย ก็ไม่เคยมีหลักธรรมวินัยของพุทธะบัญญัติให้มีศาลสงฆ์ ตกลงสำหรับพระมหาหรรษารัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ คสช.ใหญ่กว่าหลักธรรมวินัยใช่ไหม คิดให้ดีนะครับ คิดให้ซื่อตรงและเคารพหลักธรรมวินัยอย่างจริงใจด้วย ก่อนที่จะเสนออะไรที่อาจขัดทั้งหลักธรรมวินัยและหลักการประชาธิปไตยโลกวิสัย อย่าคล้อยตามหลักเผด็จการอำนาจนิยมอย่างเดียวจนเสียทั้งหลักธรรมวินัย และไม่เคารพหลักการประชาธิปไตยโลกวิสัย คิดแบบนี้พุทธศาสนาไม่มีอนาคตที่สอดคล้องกับความก้าวหน้าของประชาธิปไตยได้ มีแต่ฉุดพุทธศาสนาให้ถอยหลังสู่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์มากขึ้น น่าเศร้ามากครับ..”

#คำถามสำคัญ คือทำไม “พระนักวิชาการ” ของ ม.สงฆ์ที่ใช้ #ภาษีประชาชน จึงไม่เคยเสนออะไรเพื่อให้พุทธศาสนาไทยปรับตัวและมีพัฒนาการก้าวหน้าไปในทางสนับสนุนหลักการประชาธิปไตยโลกวิสัยและหลักสิทธิมนุษยชนสากลเลย กลับเสนออะไรแบบย้อนยุคและโชว์ผลงานรับใช้อุดมการณ์อนุรักษ์นิยมกันตลอด ทั้งๆ ที่พระเหล่านี้มาจาก “ลูกชาวบ้าน” ทำไมความคิดจิตใจไม่นึกถึง ไม่ปรารถนาให้สังคมมีความเป็นธรรมสำหรับพ่อแม่พี่น้องญาติมิตรที่เป็นชาวบ้านหรือเป็นประชาชนที่ให้ข้าวน้ำเลี้ยงดูนักบวชและจ่ายภาษีบำรุงศาสนาบ้างเลยหรือ

อีกคำถามคือ ทำไมพระนักวิชาการ หรือพระที่ผ่านการศึกษาของ ม.สงฆ์ ผู้บริหาร ม.สงฆ์ถึงตีความหลักธรรมวินัยให้สอดคล้องกับ “กฎ” ที่อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตยหรืออำนาจที่มาจากรัฐประหารกำหนดขึ้นตลอดครับ แต่ไม่ตีความหลักธรรมวินัยให้สอดคล้องและสนับสนุนหลักการประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชนกันเลย การศึกษาทางวิชาการของ ม.สงฆ์มีปัญหาอะไรหรือเปล่า พวกท่านมองอนาคตของพุทธศาสนาในประเทศไทยอย่างไร อนาคตของพุทธศาสนาในสายตาของพวกท่านไม่ใช่พุทธศาสนาแบบที่สอดคล้องและสนับสนุนหลักสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หลักความยุติธรรมสาธารณะตามระบอบประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชนสากลเลยใช่ไหม ถ้าเป็นแบบนี้พุทธศาสนาไม่มีอนาคตหรอกครับ พวกท่่านแต่ละคนอยู่ไม่ถึง 100 ปี หรอก ไม่ชอบประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนไม่เป็นไร แต่พุทธศาสนาควรมีอนาคตยาวไกลและปรับตัวไปในทางสนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนมากกว่าพวกท่านไม่ใช่หรือ…

ขณะที่ชาวเน็ตอื่น ๆ ได้ร่วมแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับที่สถาบันสงฆ์จะมี ศาลสงฆ์ เช่น

Ven Khuan de Aneka  “ศาลสงฆ์”….ควรมีหน้าที่ตัดสินเฉพาะเรื่องพระธรรมวินัย หากพระทำผิด อาจจะมีศาลสงฆ์ช่วยตัดสินว่า ผิดพระธรรมวินัยหรือไม่ มีโทษตามพระวินัยหนักเบาขนาดไหน แต่”ศาลสงฆ์” แม้จะออกแบบมายังไงก็ย่อมจะไม่มีอำนาจตัดสินในประเด็นกฏหมาย เช่น พระยักยอกทรัพย์ พระโกง พระทำร้ายร่างกาย หรือฆ่าคนตาย ย่อมต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฏหมาย …..ทางออกของคณะสงฆ์ในยามนี้คือ สังคายนาใหม่ ต้องให้ผู้นำสูงสุดของคณะสงฆ์นำการทำการปรับปรุงองค์กรสงฆ์ใหม่ ออกกฏระเบียบที่รัดกุม มีแนวทางปฏิบัติได้จริง และตรวจสอบทุกอย่างได้

Manoon Kokcharoenpong  จะเป็นองค์กร’ทหาร’ อีกองค์กรหนึ่ง..#ทำไม..พระสงฆ์ไทยจึงแนวคิดแต่..’อำนาจนิยม’ แปลกไม่ครับสังคมไทย?

Sittiporn Netniyom  ให้มีความเป็นธรรมอย่าเป็นแบบศาลการเมืองของฆราวาส หรือศาลสงฆ์ยุคกลางในยุโรปเข้านะ เดี๋ยวจะเอาพระที่ขัดขืนโดยธรรมไปเผาตายอย่างแม่มดเข้า แรก ๆ อาจจะดี แต่ต่อไปอาจจะชั่วมาก ๆ ก็ได้เพราะฐานคณะสงฆ์เรามันก็ไม่ใช่ดีใช่พร้อมมาแต่ต้นอยู่แล้ว ปลายยอดจะดีเป็นไปไม่ได้

Sittiporn Netniyom ถูกครับ เห็นด้วยอย่างมาก มีมหาเถรและสำนักพุทธ ก็มากเรื่องแล้ว บัญหาบิดเบือนเนื้อหาพระธรรมคำสอนยังแก้ไขไม่ได้ เช่นในอินเตอร์เน็ต

Somrit Luechai พุทธไทยเสนอให้ตั้ง”ศาลสงฆ์”นี่เรากำลังเข้าสู่ยุคมืดหรือครับ? ศาลศาสนาหรือ Inquisitionเริ่มในยุคกลางของยุโรป

เป้าหมายเพื่อกำจัดคนที่คิดต่างจากศาสนจักรโทษหนักที่สุดคือเผาทั้งเป็น(burn on stake)รองลงมาคือจับขังคุกใครต่อใครที่คิดต่างจากศาสนาจักรล้วนตกเป็นเหยื่อของศาลแห่งนี้  กาลิเลโลบอกว่าโลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล เขาก็ถูกศาลศาสนาสั่งจำคุก

โจนออฟอาร์ก สตรีที่ช่วยกู้ชาติให้ฝรั่งเศส ก็ถูกศาลศาสนาสั่งเผาทั้งเป็น เหตุเพราะเธอเป็นสตรีที่เก่งกว่าบุรุษซึ่งศาสนจักรรับไม่ได้ และศาลศาสนานี้แหละที่สร้างเสริมอำนาจให้ศาสนจักรจนสามารถครอบงำบ้านเมืองและสังคม

และคนที่ได้ประโยชน์จริงๆคือบรรดานักบวชโดยเฉพาะพวกที่สูงศักดิ์  ศาลศาสนาคือจุดด่างพร้อยของยุโรปสมัยกลางพอสิ้นอำนาจศาสนจักร ยุโรปก็เข้าสู่ยุคแห่งการตื่นรู้แสดงว่าในช่วงที่ยุโรปตกอยู่ใต้ศาสนาจักร  และตกอยู่ใต้อำนาจศาลศาสนานั้นยุโรปเสมือนอยู่ในสภาพมืดบอดหลับไหล

วันนี้นักบวชพุทธไทย เรียกร้องให้มีศาลศาสนา ผมจึงขอต่อต้านความคิดนี้อย่างถึงที่สุด เพราะศาลนี้จะทำร้ายและทำลายผู้คน โดยเฉพาะคนที่เห็นต่างจากศาสนจักร  แต่ศาลศาสนา  จะสร้างประโยชน์ให้แก่นักบวชบางคน ที่มีอำนาจต่อการตัดสินของศาล  แถมจะปกป้องคนของตนให้พ้นผิด

ถ้าคนคนนั้นมีประโยชน์ให้ตนมากพอ  และถ้ามีศาลศาสนา  ขอถามว่าพระวินัยเอาไว้ไหนครับ?

และนักบวชที่เสนอความคิดนี้  ก็ดูเป็นคนมีการศึกษา แต่ความคิดและทัศนะไม่พ้นกำแพงวัด โลกเขามุ่งสู่สังคมตาสว่าง  แต่นักบวชคนนี้กลับจะพาเราเข้ารกเข้าพง  อนิจจา!..

ปนัดดา นิยมศิริวนิช เราควรต้องมีศาลสงฆ์ เพราะ… พระสงฆ์ท่านเชี่ยวชาญพระธรรมวินัยก็จริง แต่ท่านอาจไม่ชำนาญเรื่องของข้อกฎหมาย ฆราวาสหมายรวมถึงพนักงานสอบสวน ผู้พิพากษา อัยการ หรือผู้เกี่ยวข้อง ท่านเชี่ยวชาญข้อกฎหมาย แต่ท่านก็อาจไม่เข้าใจธรรมวินัย จารีต และบริบทของสงฆ์ ศาลสงฆ์จึงเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสงฆ์กับฆราวาสที่ตั้งมั่นอยู่บนสัมมาทิฏฐิ เพื่อธำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้สง่างาม ท่ามกลางกระแสโลกที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงอันไม่สิ้นสุดนี้..

Leave a Reply