ชาวโซเซียล!! วิจารณ์ตรึม มติ มส.ว่าด้วยการตั้ง “คณะกรรมการทรัพย์สินวัด” พระมหานรินทร์ ซัดวุ่นแน่!! ออกมติมั่ว เขียนแบบชุ่ย ๆ

วันที่ 31 กรกฏาคม 2568  หลังจากวานนี้ที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติเห็นชอบให้ทุกวัด แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด ซึ่งจากเดิมจะเป็นอำนาจของเจ้าอาวาส กับไวยาวัจกรเท่านั้น เรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในกลุ่ม “ชาววัด” และในคณะสงฆ์ บางคนมองว่า “มหาเถรสมาคม” ไม่รู้เคยศึกษาข้อมูลความจริงของวัดต่างจังหวัด บางรูปมองว่า “มหาเถรสมาคม” หวั่นไหวต่อกระแสสังคม แต่ไม่มองความจริงที่ “คณะสงฆ์” เป็นอยู่ จนออกมติมาที่กระทบวัดทั่วประเทศ

ขณะที่ นายกรณ์ มีดี  นักเคลื่อนไหวด้านพระพุทธศาสนามองว่า เห็นมติมหาเถระสมาคม 30 ก.ค. 68 แล้วเศร้าใจ มันบ่งบอกถึงโครงสร้างการบริหารที่ผิดพลาด

อะไรคือความผิดพลาด ผู้ที่เป็นมหาเถระสมาคมเกือบทั้งหมด เป็นพระที่กระจุกอยู่ในกรุงเทพ ไม่เคยสัมผัสถึงความทุระกันดาร ไม่เคยเข้าใจหัวอกพระบ้านนอก ไม่เคยเรียนรู้ความลำบากของพระในต่างจังหวัด

เกือบทั้งหมด มาจากวัดใหญ่มีเงินมากมาย มีคนกราบไหว้เยอะแยะ ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพ ไม่เคยรับรู้พระบ้านนอก ไม่เคยรับรู้ความลำบากของพระต่างจังหวัด

ท่านทราบไหมครับ วัดบ้านนอกในถิ่นทุรกันดาร ในแต่ละปีต้องทอดกฐินสามัคคี ทั้งปีหาเงินได้ 10,000 ถึง 20,000 บาทแต่ละเดือนเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟแทบจะไม่มี  คนเข้าวัดแทบจะไม่เหลือ

ขณะที่แฟนเพจ “Thebuddh” ได้ออกมาแสดงความคิดหลากหลายส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย อาทิ เช่น

ฐิตสุทฺโธ นาม มส.ก็ขยันสร้างความยุ่งยากให้กับเจ้าอาวาสและวัดขนาดเล็กและวัดทั่วไปตาม ตจว. ออกมาดูบ้างไม่ใช่นั่งรับแขกแต่ในห้องแอร์

Milo Frank วัดน้อยๆ มีหลวงตาแก่ๆอยู่องค์เดียวดูแลวัด ก็ยังต้องลำบากอีก น่าเวทนานัก

พญาวานอน เมตตาปลาสวาย บางวัดไม่มีไวยาวัจกรไม่มีกรรมการเลย.บางวัดรายได้ไม่มีใหนจะค่าน้ำค่สไฟจิปาถะใครจะช่วยออก….

Jatupol Jamsiriphrom มันควรจะเป็นวัดที่เงินหมุนเวียนหรือเงินในบัญชีหลักแสน หลักล้านมั้ย บางวัดเงินยังไม่พอจ่ายค่าไฟเลย จ่ายเดือนค้างเดือน

นาเกาะ หล่มเก่า ขยันแบบนี้ ออกกฏหาเงินให้วัดต่าง ๆจะดีกว่าไหม

ส่วน พระมหานรินทร์ นรินฺโท ป.ธ.9 เจ้าอาวาสวัดไทยลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาโพสต์ว่า
ไม่ว่าจะเป็นมติ หรือกฎหมายใดๆ ก็ตาม ที่ไม่เป็นไปตามหลักเหตุผล และไม่สอดคล้องกับความจริง เป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิบัติตามได้ มติหรือกฎหมายนั้นๆ ก็ไร้ความหมาย ถึงจะลงมติออกมาท่วมท้นอย่างไร แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถกระทำได้ ก็เหมือนไม่ได้ออกมติหรือไม่มีกฎหมายนั้น ๆ เลย
กรณีที่มหาเถรสมาคม ออกมติครั้งที่่ 19/2568 ให้วัดทุกวัดในราชอาณาจักรไทย ดำเนินการตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด และให้เจ้าอาวาสเป็นประธานกรรมการนั้น แยกออกเป็น 2 ประเด็นหลัก

1. วัดมีอยู่หลายประเภท หลายระดับ เช่น วัดในกรุง วัดบ้านนอก วัดบ้าน วัดป่า สำนักสงฆ์ วัดพระอารามหลวง ซึ่งแต่ละประเภทก็มีบริบทที่แตกต่างกันออกไป จะใช้กฎหมายเพียงฉบับเดียวให้วัดทุกประเภทปฏิบัติตาม ย่อมจะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ วัดบ้านนอก ซึ่งบางวัดก็มีญาติโยมเพียงไม่กี่ครอบครัวคอยดูแล ปีหนึ่งมีเงินบำรุงวัดไม่ถึงหมื่นบาท พอคุ้มค่าน้ำค่าไฟเท่านั้น ศาสนสถานอื่นใดก็ไม่มี นอกจากกุฏิกับศาลาโทรมๆ ญาติโยมก็ไม่ถนัดเรื่องการบริหาร เขาก็อาศัยคณะกรรมการหมู่บ้านเข้ามาบริหารวัดไปด้วย วัดบ้านนอกเหล่านี้จึงมีบ้านคอยบริหารและดูแลอยู่แล้ว พระหรือเจ้าอาวาสแทบไม่มีอำนาจใดๆ ในทางการเงิน ยิ่งวัดตามจังหวัดตะเข็บชายแดน ก็พบว่าไม่มีพระเจ้าอาวาสที่บวชในท้องถิ่น แต่มีพระจากต่างถิ่น หรือบางทีก็จากต่างประเทศ (เช่น พม่า ลาว เป็นต้น) เข้ามาเป็นผู้นำสงฆ์ เจ้าอาวาสจึงไม่มีอำนาจใดๆ ในการบริหารวัดเลย นอกจากการทำกิจของสงฆ์ไปวันๆ ทรัพย์สินของวัดล้วนตกอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของคณะกรรมการหมู่บ้าน การที่มหาเถรสมาคมยกอำนาจให้แก่พระเจ้าอาวาส นั่นเท่ากับว่าส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกระหว่างวัดกับบ้าน ซึ่งถ้าหากว่าบ้านไม่ยอม วัดก็อยู่ไม่ได้ เจ้าอาวาสก็จำเป็นต้องไป เพราะไม่มีใครยอมรับ ถามว่า มหาเถรสมาคมหาวัดสำรองไว้ให้พระเจ้าอาวาสผู้ยึดถือคำสั่งของมหาเถรสมาคมไว้หรือยัง

2. ไม่มีการจัดประเภทของวัดให้ชัดเจน แบบว่าเหมารวมไปทั้งหมดแบบมั่ว ๆ ใช้กฎหมายเพียงฉบับเดียวอย่างตื้นเขิน เขียนกันชุ่ยๆ ให้ตั้งโน่นตั้งนี่เป็นอันเสร็จพิธี ทำยังกะว่าการตั้งคณะกรรมการบริหารวัดนั้นเป็นศาลพระภูมิ นึกอยากจะตั้งตรงไหนก็ได้ ทั้งๆ ที่จริงก็ดังที่บอกว่า วัดมีหลายประเภท หรืออาจจะแยกประเภทให้งวดเข้าไปก็ได้เพียง 2 กลุ่ม คือ วัดรวยกับวัดจน ซึ่งวัดจน ๆ นั้นมีมากนับหมื่นๆ วัด แต่วัดรวยมีไม่กี่ร้อยวัด แถมวัดจนๆ ก็ถูกชาวบ้านช่วยกันบริหารอยู่แล้ว พระแทบไม่มีอำนาจอะไร หาผ้าป่ากฐินมาได้ก็ต้องมอบให้คณะกรรมการหมู่บ้านนำไปเข้าธนาคาร พระไม่สามารถบริหารจัดการเงินได้เลย พูดแบบตรง ๆ ก็คือ ระบบเก่าของบ้านนอกนั้นดีอยู่แล้ว เพราะพระไม่ได้แตะเงิน “วัดเป็นของบ้าน ไม่ใช่ของสำนักพุทธหรือมหาเถรสมาคม” ส่วนวัดในตัวเมืองซึ่งชุมชนไม่เกี่ยวข้องกับวัด แถมเป็นวัดรวย มีทรัพย์สินมหาศาล วัดเหล่านี้ต่างหากที่เจ้าอาวาสมีอำนาจเต็มตามที่มหาเถรสมาคมเข้าใจ ซึ่งก็ควรจะออกกฎหมายบังคับใช้กับวัดใหญ่ๆ เหล่านั้น ส่วนวัดเล็กๆ บ้านนอก ก็อย่าไปยุ่ง แต่การออกกฎหมายมั่วๆ เช่นนี้ น่าจะช่วยให้จัดระเบียบก็กลับกลายเป็นทำลายระเบียบ ไม่ต่างไปจากความคิดยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน จะให้ไปใช้ระบบ อบต. ทั้งหมด ซึ่งก็ถูกต่อต้านจนไปไม่รอด

มหาเถรสมาคมต้องตอบคำถามสังคมไทยให้ได้ว่า ทำไมจึงออกมติเช่นนี้มา แล้วถามว่า มหาเถรสมาคมมีคนทำงานและมีงบประมาณในการทำงานนี้ให้สำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ หรือว่าเป็นเพียงแต่การอือออห่อหมกไปตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ทำได้หรือไม่ได้ก็ให้ไปถามสำนักพุทธเอาเอง แบบนี้ก็วังเวงแล้วคณะสงฆ์ไทย

Leave a Reply