วันที่ 29 เมษายน 2565 เว็ปไซต์ข่าว “thebuddh” มีพระภิกษุและบุคลากรของโรงเรียนพระปริยัติธรรม ติดต่อสอบถามเรื่องเกี่ยวกับความคืบหน้าการสนับสนับจากรัฐบาล ทั้งเงินอุดหนุน เงินเดือน และอัตรากำลัง ที่คณะสงฆ์และโรงเรียนพระปริยัติธรรม พึงจะได้รับตาม พ.ร.บ. การศึกษาพระปริยัติธรรม ซึ่งตราเป็น พ.ร.บ.มาตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 แล้ว ไฉน!! ปัจจุบันไม่มีคืบหน้า ทั้ง ๆ ที่ ตราเป็นพระราชบัญญัติแล้ว หากศาสนาอื่น ๆ หากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบเพิกเฉยแบบนี้ สถานการณ์จะ “นิ่งเงียบ” เหมือนชาวพุทธหรือไม่
ความคืบหน้าหลังจากกระทรวงการคลังตีกลับประเด็นนี้แล้ว ดร.เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล รองประธานคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมเพื่อหาทางออกหลายครั้ง เนื่องจากกระทบต่อขวัญกำลังใจบุคลากรโรงเรียนพระปริยัติธรรมกว่า 600 โรงเรียน บุคลากรครูอีก 4,000 กว่าตำแหน่ง และที่สำคัญมีพระราชบัญญัติรองรับรัฐบาลจะหลีกเลี่ยงไม่ดูแลไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย
“ล่าสุดได้รับแจ้งจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าหลังจากปรับแก้ไขดังที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังต้องการ ตอนนี้กรมบัญชีกลางเสนอกระทรวงการคลังไปแล้ว เรื่องนี้ทางคณะกรรมาธิการไม่ได้นิ่งนอนใจ วันที่ 17 พฤษภาคมที่จะถึงนี้จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมทั้งคณะสงฆ์มาร่วมสรุปประเด็นนี้ด้วยกัน..”
ในขณะแหล่งข่าวที่ทำงานเกี่ยวข้อง พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม “รูปหนึ่ง” แจ้งว่าปีงบประมาณปีหน้าคงได้ “ชัวร์”
เพื่อความกระจ่างเว็ปไซต์ข่าว “thebuddh” ขอลงประเด็นที่กระทรวงการคลังตีกลับประเด็นการขอเงินสนับสนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาอีกรอบดังนี้
วันที่ 26 กันยายน 2564 มีรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายจำเริญ โพธิยอด รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ได้ทำหนังสือถึง นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เรื่อง ขอความเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการบริหารงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรม ระบุว่า ตามหนังสือที่อ้างถึงพศ.ได้เสนอร่างประกาศคณะกรรมการบริหารงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรมว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของเจ้าหน้าที่การศึกษาพระปริยัติธรรม (จศป.) พ.ศ…. มาเพื่อให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้ความเห็นชอบนั้น กระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว ขอเรียนว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันประเทศกำลังประสบปัญหาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อบริหารราชการแผ่นดินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มสูงขึ้น การพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการบริหารงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรมว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของ จศป. พ.ศ…. ซึ่งจะต้องใช้งบฯ 4,068,000,720 บาทต่อปี จึงจำเป็นต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกหลายประเด็น ได้แก่
1.ประเด็นเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการจัดสรรงบฯตามพ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. 2562 มาตรา 7 วรรคสอง ที่กำหนดให้รัฐอุดหนุนงบฯสำหรับการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมตามความเหมาะสมและจำเป็น ซึ่งคำว่า เหมาะสมและจำเป็น ในที่นี้จะหมายความรวมถึงการอุดหนุนงบฯไปตั้งจ่ายเป็นเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง หรือเงินวิทยฐานะ ในลักษณะเดียวกับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง หรือเงินวิทยฐานะของข้าราชการพลเรือน หรือไม่
2.ประเด็นเกี่ยวกับการจัดโครงสร้างการบริหารงานบุคคลการศึกษาพระปริยัติธรรม ที่กำหนดให้ตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง หรือเงินวิทยฐานะ มีจำนวนทั้งสิ้น 35 ตำแหน่ง โดยเป็นตำแหน่งผู้ปฏิบัติงานสอนพระปริยัติธรรม 2 ตำแหน่ง เมื่อเปรียบเทียบกับตำแหน่งผู้สนับสนุนการศึกษา ซึ่งมี 33 ตำแหน่ง แสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งผู้สนับสนุนการศึกษามีสัดส่วนที่สูงกว่าตำแหน่งผู้สอนเป็นอย่างมาก
3.ประเด็นการกำหนดอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งที่ยังไม่ปรากฏความชัดเจนว่า อัตราดังกล่าวกำหนดขึ้นโดยอ้างอิงจากหลักเกณฑ์ใด และเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งตามร่างประกาศฯ มีความซ้ำช้อนกับเงินนิตยภัต ตามระเบียบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าด้วยการเบิกจ่ายนิตยภัต พ.ศ.2553 หรือไม่ อย่างไร ดังนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายงบฯภาครัฐเป็นไปตามความจำเป็น เหมาะสมกับสถานการณ์ และสอดคล้องกับสถานะการเงินการคลังของประเทศ จึงขอส่งร่างประกาศดังกล่าวให้ พศ.ทบทวนความเหมาะสมเกี่ยวกับประเด็นข้างต้น และส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้ความเห็นชอบเมื่อสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
พ.ร.บ. การศึกษาพระปริยัติธรรม ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2562 ซึ่งถือว่าเป็นศักราชใหม่แห่งวงการคณะสงฆ์ไทย เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่โบราณราชประเพณี สถาบันพระพุทธศาสนามีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษาของชาติมาโดยตลอด ซึ่งคณะสงฆ์ได้ดำเนินการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมอันเป็นส่วนเฉพาะของการศึกษาของคณะสงฆ์ควบคู่กันไปกับการศึกษาวิชาสามัญ
ดังนั้น เพื่อให้การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมได้รับการสนับสนุนส่งเสริมด้วยดีจากภาครัฐ และสามารถบริหารจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองนโยบายการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์และของชาติได้เป็นอย่างดี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้จะครอบคลุมบุคลาการทางการศึกษาทั้ง 3 ส่วน ของคณะสงฆ์ คือ การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง,การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรมสนามหลวง และการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา
ที่ผ่านมาคณะสงฆ์อันมี สมเด็จพระวันรัต,สมเด็จพระพุฒาจารย์,สมเด็จพระมหาวีรวงศ์,พระพรหมบัณฑิต,พระพรหมโมลี เป็นต้น มีการประชุมกับตัวแทนหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ หลายรอบในการออกกฎหมายลูก พร้อมทั้งอัตราตำแหน่งและเงิน เงินประจำตำแหน่ง รวมทั้งค่าตอบแทนอื่น ซึ่งตัวแทนคณะสงฆ์ย้ำอยู่เสมอว่าบุคลากรทั้ง 3 ส่วน จะได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง รวมทั้งค่าตอบแทนอื่น ๆ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 นี้ ซึ่งเป็นรายจ่ายตามปีงบประมาณ 2565 สุดท้าย ฝันค้าง!!!
Leave a Reply