เอวัง!! “กลุ่มยุวสงฆ์ปลดแอก” ลาสิกขาเหตุถูกขับพ้นวัด – ถูกดำเนินคดีม.112

วันที่ 30 มิ.ย. 64  เพจสำนักข่าวราษฎร แจ้งว่าได้รับรายงานว่าทางศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ส่งข้อความติดต่อถึงสามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า หรือสามเณรโฟล์ค แกนนำคณะยุวสงฆ์ปลดแอดหรือคณะปฎิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ เนื่องจากทราบว่า เนื่องจากสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันได้ออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการชุมนุมวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 การชุมนุม ‘บ๊ายบายไดโนเสาร์’ ของกลุ่มนักเรียนเลวบริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS สยาม คดีดังกล่าวมีผู้ฟ้องร้องเป็นประชาชน

การชุมนุมในวันดังกล่าวนั้นสามเณรสหรัฐได้ขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อเวลา 21:00 น. หัวข้อ ‘อำนาจที่มองไม่เห็น’ ใจความว่า เราเห็นการปราบปรามของรัฐมีอยู่ 2 แบบ ทั้งการปราบปรามแบบแก๊สน้ำตาและการปราบปรามในรูปแบบของศาสนา เมื่อได้เข้าไปที่วัด จะได้เห็นการเทศน์ของพระสงฆ์ แต่ไม่เคยได้ตั้งคำถามหรือ ถามพระสงฆ์ว่าสิ่งที่พระสงฆ์สอนเป็นจริงหรือไม่!!

สามเณรสหรัฐกล่าวต่อว่า ดังนั้นในกลุ่มปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่ ที่มีพระสงฆ์จำนวนมากออกมาเข้าร่วมแต่เขายังไม่กล้าแสดงออก โดยทางกลุ่มมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ

1.แยกศาสนาออกจากรัฐ ไม่สนับสนุนศาสนาใด ศาสนาหนึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ

2.หยุดใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือการสร้างความแตกแยกในเหตุการณ์ชายแดนภาคใต้

3.หยุดใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของรัฐ หรือครอบครัวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สามเณรสหรัฐ กล่าว

 ทางด้าน ‘พระเอิร์ธ’ แกนนำของคณะยุวสงฆ์ปลดแอก หรือ คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่  นสพ.ไทยโพสต์ ได้เสนอข่าวว่า  นายชิษณุพงษ์ ไพรพารี หรือ เอิร์ท อดีตพระภิกษุแก๊งแครอท สังกัดวัดเจียงอีศรีมงคลวราราม อำเภอเมือง จังหวัดศรีษะเกษ ขณะนี้ได้ลาสึกขาเป็นฆราวาสแล้วในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ หลังจากมีหนังสือจากพระราชกิตติรังษี เจ้าอาวาสวัดเจียงอีศรีมงคลวราราม สั่งให้ออกจากวัดและพ้นจากสังกัดตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป

นายชิษณุพงษ์ ได้โพสต์รูปภาพพิธีลาสิกขา พร้อมกับโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ข้าพเจ้าลาสิกขา “ขอให้โลกจดจำไว้ว่า รัฐกำจัดข้าพเจ้าทิ้งไป”

ทั้งนี้ นายชิษณุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กกับ จอม เพชรประดับก่อนที่จะตัดสินใจทำการลาสิกขา ว่า “เจ้าอาวาสได้รับแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่รัฐ จนต้องออกหนังสือเพื่อให้ตนได้พ้นไปจากวัด เพราะผิดกฎหมายเถรสมาคมที่ห้ามพระยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทั้งที่จริงแล้วคณะสงฆ์ไทยทั้งหมดก็ล้วนยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะเป็นเครื่องมือทางการเมืองฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐมาโดยตลอด และเพื่อไม่เป็นปัญหากับวัดใด เพราะแม้จะไปอยู่วัดอื่นก็จะถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่รัฐอีก จึงจำใจต้องลาสิกขาบทในวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายนนี้ หลังจากออกมาเป็นฆราวาสแล้วก็จะเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพต่อไป”

ข้อมูล /ภาพ :https://www.thaipost.net/main/detail/107740

เพจสำนักข่าวราษฎร – Ratsadon News

Leave a Reply