พาไปรู้จักอาบัติ “สังฆาทิเสส” 13 ข้อ ภิกษุต้องแล้วต้องทำอย่างไร??

วันที่ 16 กรกฏาคม 2568  พระภิกษุแชทคุยกับสตรี ด้วยมีจิตกำหนัด ชู้สาว ดังที่ปรากฎในข่าวต่อเนื่อง มีคำถามว่าต้อง “อาบัติ” อะไรบ้าง วันนี้พาไปรู้จัก “อาบัติสังฆาเสส” ซึ่งเป็นอาบัติ มีโทษรองลงมาจากอาบัติปาราชิก 4 ข้อที่พระภิกษุต้องอาบัตินี้แล้วเปรียบเสมือน “ตาลยอดด้วน” คือ ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที และไม่สามารถกลับมาบวชได้อีก

อาบัติ “สังฆาทิเสส”  เป็นครุกาบัติ (โทษหนัก) แต่แก้ไขได้โดยสงฆ์ คือ จะปลงอาบัติกับภิกษุเพียงรูปใดรูปหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยสงฆ์ในการประพฤติเพื่อการออกจากอาบัตินั้น เช่น การให้ปริวาส ให้มานัต ต้องอาศัยสงฆ์อย่างน้อย 4 รูปขึ้นไป แต่ถ้าการอัพภานคือการเรียกเข้าหมู่เป็นผู้พ้นจากอาบัติหนักและ เป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องอาศัยพระสงฆ์ 20 รูปขึ้นไป สังฆาทิเสส มี 13 ข้อ ดังนี้

1. ทำน้ำอสุจิให้เคลื่อนด้วยความจงใจ:
การทำให้น้ำอสุจิเคลื่อนออกมาโดยเจตนา เว้นแต่การฝันเปียก
2. ถูกต้องกายสตรี:
การแตะต้องสัมผัสร่างกายของสตรีด้วยความกำหนัด
3. พูดเกี้ยวสตรี:
การพูดจาหยาบคาย เกี้ยวพาราสี หรือพูดในทางชู้สาวกับสตรี
4. พูดให้สตรีบำเรอกาม:
การพูดจาชักชวนให้สตรีบำเรอกาม หรือพูดถึงเรื่องเพศในทางที่เสื่อมเสีย
5. เป็นสื่อชักสื่อ:
การเป็นสื่อชักสื่อให้ชายหญิงมีความสัมพันธ์ในทางชู้สาว
6. สร้างกุฏิด้วยการขอ:
การขอให้สร้างกุฏิเป็นของตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสงฆ์
7. สร้างวิหารด้วยการขอ:
การขอให้สร้างวิหารเป็นของตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสงฆ์
8. ใส่ความภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกโดยไม่มีมูล:
การกล่าวหาภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกโดยไม่มีความจริง
9. ใส่ความภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกโดยสมมติ:
การใส่ความภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกโดยการสมมติเรื่องขึ้น
10. ทำสงฆ์ให้แตกกัน:
การยุยงให้สงฆ์แตกแยกกัน
11. เข้าข้างผู้ทำสงฆ์ให้แตกกัน:
การเข้าข้างภิกษุที่ทำสงฆ์ให้แตกกัน
12. ภิกษุว่ายากสอนยาก:
การเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ไม่เชื่อฟังคำตักเตือนของสงฆ์
13. ประทุษร้ายสกุล:
การประพฤติตัวไม่เหมาะสม ประจบประแจงคฤหัสถ์ หรือทำตัวเป็นคนรับใช้ของคฤหัสถ์

 

Leave a Reply