ผู้ว่าฯ เมืองนคร ลงพื้นที่ขับเคลื่อนโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ตามพระราชดำริกรมสมเด็จพระเทพฯ

วันที่ 7 พ.ค. 66  ที่หมู่ที่ 9 ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนางพิชานันท์ เผือกผ่อง ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพื้นขับเคลื่อนโครงการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ในการปลูกพืชผักสวนครัวทุกครัวเรือน โดยมี นายจตุพล ศรีดำ พัฒนาการจังหวัด พร้อมด้วยป้องกันจังหวัด ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอำเภอฉวาง พัฒนาการอำเภอฉวาง ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ร่วมลงพื้นที่

โอกาสนี้ นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และนางพิชานันท์ เผือกผ่อง ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ร่วมพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคุณลุงประยงค์ รณรงค์ ปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้นได้เยี่ยมชมการขยายผลโครงการ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ของนายสมศักดิ์ พุฒิวณิชย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง เป็นระยะทางกว่า 2.5 กิโลเมตร ซึ่งพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันปลูกพืชผักที่หลากหลาย เช่น ตะไคร้ ขมิ้น มะกรูด สับปะรด กล้วย มะขาม เป็นต้น และยังได้เยี่ยมชมการขยายผลโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ของนางอมรรัตน์ วิมล ณ หมู่ที่ 2 ตำบลฉวาง อำเภอฉวาง บนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ โดยมีการขุดบ่อน้ำและคลองไส้ไก่ขนาดเล็ก ซึ่งนางอมรรัตน์และสามีร่วมกันใช้แรงขุด มีการปรับแต่งพื้นที่ด้วยการห่มฟางให้พื้นที่ชุ่มชื้น ปลูกไม้ยืนต้น พืชผักสวนครัวที่หลากหลาย ผักกินยอด ผักกินใบ เลี้ยงสัตว์ โดยเน้นการเกษตรแบบผสมผสาน และที่สำคัญมีการปลูกกล้วยจำนวนกว่า 50 ต้น และตัดใบตองส่งขายในราคาใบละ 2 บาท สร้างรายได้ในทุก ๆ วัน

นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชมีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนโครงการและกิจกรรมที่เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้เกิดวิถีชีวิตแบบพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานให้ไว้ ด้วยการน้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในด้านการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร โครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง และโครงการทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน มาขยายผลให้บังเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนทุกครัวเรือน ซึ่งจากการลงพื้นที่ในวันนี้ ได้พบว่าพี่น้องประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 9 ตำบลไม้เรียงต่างพร้อมใจกันลงแขก ปลูกพืชผักสวนครัวตามแนวด้านข้างถนนสาธารณะ เกิดเป็นมรรคเป็นผล เป็นพืชผักผลไม้และสมุนไพร ระยะทางถึง 2 กิโลเมตรครึ่ง อันแสดงให้เห็นถึงความรักความสามัคคีของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ที่มุ่งในการเสริมสร้างให้มีพลังแห่งการร่วมกันดูแลคนในชุมชน ให้ได้มีสุขภาพดี มีชีวิตที่ดี อันจะทำให้คนทุกคนที่อยู่ในชุมชนมีความสุขอย่างยั่งยืนจากการบริโภคพืชผักสวนครัว อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีผ่านกิจกรรมที่ได้ทำร่วมกันของคนทั้งหมู่บ้าน

ด้าน นางพิชานันท์ เผือกผ่อง ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำนโยบายของสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ภายใต้การนำของ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ในการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชนร่วมกับทางจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งจากการลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง ครอบครัวของคุณอมรรัตน์ วิมล ในวันนี้ ทำให้ได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของสมาชิกในครอบครัว โดยคุณอมรรัตน์ก็มีสามีเป็นผู้ร่วมในการทำให้พื้นที่ของครอบครัว ได้กลายเป็นพื้นที่แห่งความยั่งยืนของชีวิต มีการน้อมนำแนวทาง ทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา ด้วยการขุดบ่อน้ำและคลองไส้ไก่ มีพื้นที่ปลูกพืชผักสวนครัว พื้นที่เลี้ยงสัตว์ อันจะเป็นอาหารของครอบครัวที่เป็นอาหารสุขภาพ อีกทั้งในบริเวณพื้นที่ประมาณ 1 ไร่นี้ ยังสามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนของคนในชุมชน และสามารถพัฒนาต่อยอดเป็นพื้นที่เรียนรู้ต้นแบบในระดับตำบลได้อีกแห่งหนึ่งด้วย

“จังหวัดนครศรีธรรมราชจะได้นำต้นแบบความสำเร็จของชุมชนหมู่ที่ 9 ตำบลไม้เรียง และการขับเคลื่อนโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเองของคุณอมรรัตน์วิมล หมู่ที่ 2 ตำบลฉวาง ไปขยายผลให้กับทุกอำเภอในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำแนวทางไปใช้ในการทำให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนในทุกพื้นที่ ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อันเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนได้ลุกขึ้นมาพึ่งพาตนเอง ได้ลุกขึ้นมาร่วมไม้ร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกับคนในชุมชน ทำให้ชุมชน ทำให้ครอบครัว และทำให้ตนเอง ได้ทำกิจกรรมที่เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ กิจกรรมที่ก่อให้เกิดความรักความสามัคคี และสืบทอดส่งต่อไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน อันเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงาน “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตราชกัญญา ทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกครัวเรือนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” นายอภินันท์ฯ กล่าวในช่วงท้าย

Leave a Reply