มีการประชันโฉมเหล่าผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต ในจำนวนนั้นมี “ดร.แพทตี้” ดร.ดรัณภัทร วิชชาวุธ พรรคประชาชนปฏิรูป ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เบอร์ 5 เขตพระนคร รวมอยู่ด้วย
ที่น่าสนใจคือ ดร.ดรัณภัทร เป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.หน้าใหม่ แต่เคยร่วมงานกับพรรคการเมืองหลายพรรค ได้เรียนรู้กิจกรรมของพรรคการเมืองและนักการเมืองหลายรุ่น เป็นผู้หญิงคนรุ่นใหม่ ที่สนใจในพระธรรม จบการศึกษาหลักสูตรพระไตรปิฎกคือพระอภิธรรมจากอภิธรรมโชติกวิทยาลัย ในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) โดยชูคุณธรรมกับการเมืองต้องเป็นของคู่กัน นักการเมืองต้องมีศีลธรรมประจำใจ น้อมนำหลักคำสอนพระพุทธเจ้ามาทำงาน ให้ประชาชนได้ศรัทธาและนำพาให้สังคมเกิดสันติสุข และคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง
ตามมาด้วยผู้สมัครส.ส.เขต 27 พรรคพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จากรั้ว มจร เช่นเดียวกัน ปัจจุบันกำลังทำดุษฎีนิพนธ์ หลักสูตรสันติศึกษา เธอคือว่าที่ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ (เอ๋) ผู้สมัครส.ส.กรุงเทพมหานคร หมายเลข 14 ซึ่งเธอบอกว่า หลักสูตรสันติศึกษา เรียกได้ว่าเป็นวิศวกรสันติภาพ ที่ต้องการทำงานการเมืองสร้างสรรค์ ก้าวข้ามความขัดแย้ง
ทั้งนี้เธอมุ่งมั่นตั้งใจลงพื้นที่ กทม. ชายแดน เขตเลือกตั้งที่ 27 เขตทวีวัฒนา เขตหนองแขม(แขวงหนองค้างพลู) เขตตลิ่งชัน(แขวงตลิ่งชัน-ฉิมพลี) ด้วยวิธีการทำการเมืองสร้างสรรค์ เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง รวมกลุ่มสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วม สะท้อนจุดดีจุดด้อยและปัญหาที่ต้องการการแก้ไขและพัฒนาในพื้นที่ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลมาสานต่อ นำเสนอเป็นนโยบาย ซึ่ง “เอ๋” เชื่อว่าวิธีการรับฟังนี้สามารถเข้าถึงความต้องการที่แท้จริง นำพาไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีและสังคมที่มีแต่ความสงบสุขอย่างยั่งยืน
“การที่ได้ทำงานด้านเยาวชนในหลายรูปแบบทำให้เห็นความสำคัญของการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชน หากได้รับเลือกตั้งเข้าไปทำงานเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน จะผลักดันเรื่องการศึกษาสำหรับเด็กและเยาวชน ทุกคนต้องมีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้และต้องควบคู่ไประหว่าง “วิชาการ”ที่เข้มข้น และ “สติ” ที่ต้องรู้เท่าทันการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัล หรือที่เรียกว่า “mindfulness based learning” คือการมีสติเป็นฐานแห่งการเรียนรู้ ซึ่งสองสิ่งมีความจำเป็นที่จะทำให้เยาวชนไทยเป็นทั้งคนเก่งและคนดี ที่คิดเป็น แบ่งปัน และพัฒนาตนเอง เพราะเด็กและเยาวชนจะต้องเติบโตขึ้นมาเป็นคนรุ่นต่อไป ที่จะสานต่อการดูแลประเทศให้เป็นประเทศที่สุขสงบน่าอยู่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี” น.ส.บุณณดา ระบุ
ขณะที่สาวสายอีกคนหนึ่งแม้เธอจะไม่ได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ เธอเป็นนางแบบอิสระมีชีวิตโลดแล่นวงการนางแบบ ถ่ายแบบนิตยสารมามากมาย ทั้งงานแสดงทั้งจอเงิน จอแก้วหลายต่อหลายเรื่อง ขณะเดียวกันยามวางจะค้นหาตัวเองด้วยการเข้าวัดบวชชีพราหมณ์ปฎิบัติธรรมเป็นประจำ ส่งผลให้เธอสมัครเป็นสมาชิกพรรคแผ่นดินธรรม เพราะเธอถูกใจสโลแกนของพรรคคือ “ศีลธรรม นำชาติ” พร้อมกับได้ลงสมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 2 หมายเลข 17 เธอคือ น.ส.สิริมา สาระกุล หรือเกรซ
นางสาวสิริมากล่าวว่า ความจริงแล้วต้องการที่จะช่วยเหลือพรรคอยู่เบื้องหลังแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคจะพิจารณา ทั้งนี้เพราะต้องการที่จะทำหน้าที่เป็นชาวพุทธที่ดีปกป้องคุ้มครองสิ่งที่ดีให้คงอยู่เป็นประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลังต่อไป
“จริงๆต้องเรียนให้ทราบตามตรงก่อนนะคะว่า เดิมทีแล้วเกรซไม่เคยมีความคิดอยากจะลงเล่นการเมืองหรือสนใจมาทางด้านนี้มาก่อนเลยค่ะ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้เกรซเอาตัวเองเข้ามาข้องเกี่ยวกับการเมืองก็เพราะเกรซมีเหตุผลบางอย่าง และมันก็เป็นสิ่งที่เกรซสมควรจะทำในฐานะของชาวพุทธคนหนึ่งที่มีความรักและจงรักภักดีต่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง” นางสาวสิริมากล่าวและว่า
ก็เพราะว่าพรรคแผ่นดินธรรมเท่านั้นที่ให้ความสำคัญทางด้านพุทธศาสนาเป็นหลักและได้ตระหนักและมองเห็นถึงปัญหาที่มันเกิดขึ้น และทุกคนก็พร้อมที่จะเสียสละและลุกขึ้นมาช่วยกันต่อสู้เพื่อที่จะปกป้องศาสนาของบรรพบุรุษของเราเอาไว้…. เพราะเหตุนี้ที่ทำให้เกรซ พร้อมที่จะเข้ามาเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์และพร้อมที่จะต่อสู้ไปด้วยกันกับพรรคแผ่นดินธรรม จึงอยากให้ชาวไทยทุกคนที่นับถือศาสนาพุทธ ได้ตระหนักรู้ถึงปัญหาและภัยที่กำลังเกิดขึ้นกับพุทธศาสนาในขณะนี้ ตลอดจนเข้าใจถึงปัญหาด้านต่างๆ ของประเทศ ล้วนมีรากเหง้า ของปัญหามาจากที่เดียวกัน คือคนขาดศีลธรรมในการดำรงชีวิต นี่คือปัญหาหลักของทุกๆสังคม
“แผ่นดินธรรม เป็นพรรคที่ ชู “ศีลธรรมนำชาติ ” มุ่งเน้นนำหลักของพระพุทธศาสนาเข้ามาบริหารประเทศ สิ่งนี้ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ ที่ชาวไทยควรให้ความสำคัญ และให้การสนับสนุน” นางสาวสิริมา กล่าว
Leave a Reply