วันที่ 6 กันยายน 2562 เฟซบุ๊กพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า มีคนส่งภาพวาดเหล่านี้มาให้อาตมาดู อาตมาเห็นแล้วก็ไม่ได้นึกสนใจประเด็นที่ว่า ภาพวาดพวกนี้ดูสวยเก๋แปลกใหม่ หรือเป็นเรื่องของการลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอะไรนะ อาตมาสนใจสิ่งที่ศิลปินต้องการจะสื่อสารต่างหาก สนใจเรื่องเล่าที่อยู่เบื้องหลังภาพวาด
อะไรคือสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังภาพวาดที่พิลึกพิลั่นเหล่านี้ อะไรคือความลึกซึ้งทางศิลปะที่ศิลปินต้องการจะถ่ายทอดมันออกมา อาตมาอยากได้เห็นหรือได้อ่านคำอธิบายประกอบนะ เวลาที่มีการนำภาพวาดพวกนี้มาเผยแพร่ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยลดทอนความอคติ หรือมองเห็นเจตนารมณ์ในการสร้างสรรผลงานของเจ้าของศิลปินได้
แต่ถ้าให้มองแค่ภาพอย่างเดียว แล้วให้วิจารณ์หรือตัดสินด่าทอและแสดงความไม่พอใจกับภาพวาดพวกนี้ อาตมาคงไม่ทำ พวกโยมล่ะ มองเห็นเป็นอย่างไรกันบ้าง
ทั้งนี้นายกรณ์ มีดี หัวหน้าพรรคแผ่นดินธรรม เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ภาพดังกล่าวพร้อมข้อความว่า “…คนที่ เรียกตัวเองว่าศิลปิน ทำตัวดูหมิ่นพระพุทธศาสนาผู้มีอำนาจรัฐควรที่จะต้องดำเนินการใช้กฎหมายจัดการ เพราะนี่คือการดูหมิ่นพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน
ในกฏหมายอาญามาตรา 206 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ แก่วัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยามศาสนานั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แม้แต่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ก็ยังระบุถึงการมิให้มีใครบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ผมอยากจะเห็นว่าผู้มีอำนาจรัฐจะดำเนินการต่อกรณีนี้อย่างไร ผมจะรอดู ฝากชาวพุทธช่วยแชร์และประจานการกระทำของคนพวกนี้
ด้านนายเสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) กล่าวว่า สนพ. ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในนามองค์กรเครือข่ายชาวพุทธ ได้รับการร้องเรียนว่า มีการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใน จ.นครราชสีมา โดยมีการนำภาพวาดสีน้ำมันรูปร่างคล้ายยอดมนุษย์อุลตร้าแมนในลักษณะต่างๆ แต่กลับมีการวาดส่วนหัวเป็นเศียรของพระพุทธรูป
ดังนั้นในสัปดาห์หน้าทางองค์กรเครือข่ายฯ จะยื่นเรื่องดังกล่าวต่อกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าหลายปีที่ผ่านมามีการกระทำที่เข้าข่ายลบหลู่ ดูหมิ่นพระพุทธศาสนา มาอย่างต่อเนื่อง ทางองค์กรเครือข่ายฯ มองว่าควรที่จะมีมาตรการทางด้านกฎหมายขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ ซึ่งควรมีการนำร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ที่ทางองค์กรเครือข่ายฯ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้มีการดำเนินการไว้แล้ว มาพิจารณาประกาศใช้เป็นกฎหมายเพื่อดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ
ด้านนายสาโรจน์ กาลศิริศิลป์ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม พศ. กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตนก็ได้รับการร้องเรียนเข้ามาเช่นกัน จึงส่งเรื่องให้ฝ่ายนิติกรพศ. ตรวจสอบเนื้อหาว่าเข้าข่ายหมิ่นศาสนาหรือไม่ พร้อมกันนี้ก็ได้ส่งเรื่องไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อพิจารณาความเหมาะสมว่าควรจะระงับการเผยแพร่หรือไม่ด้วยแล้ว
Leave a Reply