เรื่องเล่า..กว่าจะมีวันนี้คณะสงฆ์รามัญกับ “มหาจุฬาฯ” (ตอน1) เมื่อวานนี้เป็นวันหนึ่งที่ผู้เขียนมีความสุขและปลื้มใจกับสิ่งที่ตนเองมีส่วนร่วมให้สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง นั่นคือ ประธานคณะสงฆ์มอญหรือรามัญ เดินทางมารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม 2564 นี้ หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เขียนจึงพยายามทำเรื่อง “ชาติพันธุ์มอญ” มาต่อเนื่องและยาวนาน โดยเฉพาะการเข้าไปช่วยเหลือด้านการศึกษาแก่คณะสงฆ์มอญและรวมทั้งการจัดตั้ง “มูลนิธิรามัญรักษ์” และมีภาพการสานต่อระหว่างคณะสงฆ์รามัญนิกาย กับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต่อจากนี้ไป มันเป็นเรื่องเล่า แต่จะเล่าเท่าที่จำได้ เพราะบางเหตุการณ์มันนาน ความทรงจำเลือนลางไปบ้างแล้ว ข้าพเจ้าหลังจากจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 บวชเป็นสามเณรแล้ว พ่อแม่มีความประสงค์จะให้เรียนภาษามอญ ในปีพุทธศักราช 2531 จึงถูกส่งตัวกลับไปเรียนภาษามอญ ณ วัดกุ้นหมิบสิบ เป็นหมู่บ้านใกล้ ๆ กับภูมิลำเนาของบรรพบุรุษ ท่านเจ้าอาวาสเป็นญาติทางฝ่ายแม่ ปีที่ข้าพเจ้าไปอยู่จำพรรษาที่เมืองมอญนั่น เกิดมีการเรียกร้องประชาธิปไตย ข้าวยากหมากแพง (1888) ผู้คนไม่มีจะกินต้องไปขุดกลอยในป่ากินแทนข้าว บางบ้านโชคมีข้าวตากแห้งเก็บเอาไว้นำมาต้มเป็นข้าวต้มกินได้ ตอนนั้น นักศึกษาประชาชนประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย บ้านเมืองความวุ่นวายทั่วประเทศเมียนมา หลังออกพรรษาจึงกลับประเทศไทย หลังจากกลับประเทศไทยแล้วได้ศึกษาต่อจนจบเปรียญธรรม 7 ประโยค จากวัดอรุณราชวราราม กรุงเทพมหานคร จบปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช,ปริญญาตรีคณะสังคมศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (MCU) และจบปริญญาโท สาขาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกริก ชีวิตช่วงที่เรียนหนังสือไม่เคยสัมผัสกับคนมอญและพูดภาษามอญเลย จนพูดมอญได้บ้างไม่ได้บ้าง เพียงแต่ฟังออก หนังสือมอญที่เรียนมาก็ลืมไปจนหมดสิ้น มาสัมผัสกับคนมอญและพระสงฆ์มอญอีกครั้งเมื่อปีพุทธศักราช 2545 นั่นก็คือ ช่วงที่ไปดำรงตำแหน่งรักการแทนเจ้าอาวาสวัดใหม่คลองเจ็ด อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และมีพระรูปหนึ่งชื่อ พระมหาบุญมี ธมฺโม (พระอาจารย์ธัมมะ) ปัจจุบันคือเจ้าอาวาสวัดปรกยานนาวา เป็นคนเล่าความเป็นมาของชาติพันธุ์มอญ สถานการณ์คณะสงฆ์และประชาชนในเมืองมอญให้ฟังประเภท “ปลูกฝั่งความรักชาติ” จนเราสองคนร่วมกันตั้ง “ชมรมส่งเสริมพัฒนาการศึกษาพระสงฆ์มอญ” ปัจจุบันก็คือ มูลนิธิรามัญรักษ์ หลังจากก่อตั้งชมรมส่งเสริมพัฒนาการศึกษาพระสงฆ์มอญแล้ว เป็น ครั้งแรกของคณะสงฆ์มอญเมืองไทยที่ริ่เริ่มเชิญชวนพระภิกษุ – สามเณรมอญ จากประเทศเมียนมา ที่สนใจการศึกษามาเรียนที่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย พร้อมกับมอบทุนการศึกษาให้ ในขณะเดียวกันเด็กมอญในประเทศไทย ที่ต้องการบวชเรียน ไม่มีทุนการศึกษา ไม่มีที่อยู่ หน้าที่ของข้าพเจ้าในการจัดหาวัดให้อยู่ ซึ่งยุคสมัยนั่นเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะสามเณรมอญ พระภิกษุมอญส่วนใหญ่ไม่มีสัญชาติไทยเหมือนดังปัจจุบัน การที่เจ้าอาวาสหรือวัดใดก็ตาม ให้พระภิกษุสามเณรมอญที่ไม่มีสัญชาติไทย กฎหมายไทยถือว่าให้ที่พักพิงแก่ต่างด้าวมีความผิดทางอาญาต้องติดคุก แต่ด้วยความที่ข้าพเจ้ามีเพื่อนและเจ้าอาวาสหลายรูปที่สนิทสนมกันจึงอ้างว่า “กำลังดำเนินเรื่องขอสัญชาติอยู่” ท่านเหล่านี้ก็เมตตาไม่ถามต่อ ทำนองเดียวกันที่ไปเรียน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย บางรูป “กำลังขอสัญชาติ” หลักฐานไม่เรียบร้อย ก็ได้สหายธรรมบางรูปอาศัยเป็นใบเบิกทางเข้าไปเรียนได้ ครั้งแรก : คณะสงฆ์รามัญนิกายเยือนมหาวิทยาสงฆ์ไทยทั้ง 2 นิกาย ในปีพุทธศักราช 2557 หลังจากพระครูวิมลชยธรรม (อาจารย์วิชาญ ชยธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดปรกยานนาวา กรุงเทพ ฯ มรณภาพและมีการทำบุญหลังมรณภาพ 100 วัน เป็นจุดเริ่มต้นที่ข้าพเจ้าได้รู้จักกับผู้บริหารคณะสงฆ์รามัญนิกาย จากประเทศเมียนมา โดยการแนะนำของพระอาจารย์บรรเจิด สุริยโชโต (พระอาจารย์สุริยะ) เจ้าอาวาสวัดสระบัวทอง จ.สุพรรณบุรี กับพระมหาบุญมี ธมฺโมหรือ พระอาจารย์ธัมมะ เจ้าอาวาสวัดสุธรรมวดีในขณะนั้น และเนื่องจากเราทั้งสามปรึกษาหารือกันอยู่เสมอ ๆ เรื่อง แนวทางการพัฒนาการศึกษาของคณะสงฆ์รามัญนิกาย ประเทศเมียนมา เพราะเชื่อว่า หากจะให้คณะสงฆ์มอญพัฒนามีความรู้ ความเจริญก้าวหน้าและมีวิสัยทัศน์ก้าวไกล เรื่องการพัฒนาคน เรื่องการศึกษาแบบโลกสมัยใหม่เป็นเรื่องสำคัญ เท่าที่ทราบคณะสงฆ์รามัญนิกายศึกษาอยู่ 2 รูปแบบ คือ แบบปริยัติธรรมแผนกบาลีที่ดำเนินการสอนและสอบเองเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และกำลังสร้างมหาวิทยาลัยสงฆ์ ที่พระนักเทศน์ชื่อ Ven.Silacara (ตะละกุ้นแหมะ) เป็นคนดำเนินการก่อสร้างและจะทำการเปิดสอนรูปแบบเหมือนกับมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั่วไป ซึ่งต่อมาทราบว่าท่านได้มอบมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้ให้กับคณะสงฆ์รามัญนิกายเป็นผู้บริหาร ลักษณะเหมือนกับประเทศไทยคือ ทั้ง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย ล้วนอยู่ภายใต้การกำกับของ มหาเถรสมาคม ข้าพเจ้าในฐานะศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ฝ่ายมหานิกายและมีเพื่อนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกายด้วย สามารถประสานงานให้ได้ จึงปรึกษากับพระอาจารย์สุริยะกับพระอาจาย์ธัมมะว่า การเดินทางมาประเทศไทยของพระมหาเถระระดับผู้บริหารคณะสงฆ์รามัญนิกายแบบนี้หาได้ยาก หากเราจะนิมนต์ผู้บริหารคณะสงฆ์รามัญนิกายไปเยี่ยมชมการบริหารจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆ์ไทยทั้ง 2 แห่ง ทั้ง 2 นิกาย พร้อมพบกับผู้บริหารของมหาวิทยาลัยสงฆ์ด้วย คณะสงฆ์รามัญนิกายยินดีไปหรือไม่ เมื่อทราบจากพระอาจารย์สุริยะว่า ท่านมีความยินดี ข้าพเจ้าจึงประสานไปที่ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งแบบฉุกเฉิน เมื่อมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งตอบรับ คณะสงฆ์รามัญนิกายจึงได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการกิจการพระศาสนา ด้านการศึกษาซึ่งกันและกัน นี่เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยทั้งสองนิกายของคณะสงฆ์ไทยและคณะสงฆ์รามัญนิกาย ประเทศเมียนมา อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สำหรับหัวข้อปรึกษาหารือกับ พระโสภณวชิราภรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย คณะสงฆ์รามัญนิกายมีความประสงค์ต้องการขอความร่วมมือจาก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 2 เรื่องด้วยกัน คือ 1. 1. ต้องการให้ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยพระภิกษุสามเณรของคณะสงฆ์รามัญนิกายที่ผ่านการสอบพระปริยัติธรรมแผนกบาลีมอญ สามารถมาเรียนต่อที่มหาจุฬาฯได้เลย โดยผ่านการรับรองของคณะสงฆ์รามัญนิกา 2. ต้องการให้ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยร่วมพัฒนา มหาวิทยาลัยรามัญญะรัฎฐะ (R.B.U.) ของคณะสงฆ์รามัญนิกาย เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่สมบูรณ์แบบ หลังจากพูดคุย พระโสภณวชิราภรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ ตอบรับปากแต่มีเงื่อนไขขอให้คณะสงฆ์รามัญนิกายทำหนังสือมาอย่างเป็นทางการเมื่อให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ลงนามอนุมัติแล้วเข้าสู่ขบวนการตามขั้นตอนต่อไป ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปีพุทธศักราช 2557 หลังจากนี้ไปเกิดอะไรขึ้น ตอนหน้ามาเล่าต่อ… ********************* จำนวนผู้ชม : 686 Leave a ReplyFacebook Comments More Articles By the same author เช็ครายชื่อ..ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาทั้ง 10 ประเภท อุทัย มณี ส.ค. 16, 2023 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้ลงนามประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาประจำปี… เปิดบทกวี “แรงบันดาลใจ” อุทัย มณี พ.ย. 25, 2018 วันนี้ (25 พ.ย.61) ท่าน ว.วชิรเมธี หรือพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี… ไม่ถูกเซ็นเซอร์แน่! หากพระร้องไห้แบบมีสติ อุทัย มณี พ.ย. 24, 2018 วันที่ 24 พ.ย.2561 พระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท นิสิตปริญญาเอก… “มจร” ประกาศรายชื่อ “ธรรมทูตคฤหัสถ์” รุ่น 1 จำนวน 209 คน อุทัย มณี ธ.ค. 26, 2024 วันที่ 26 ธันวาคม 2567 พระมหาสุรศักดิ์ ปจฺจนฺตเสโน รองอธิการบดีฝ่ายต่างประเทศ… ผู้ว่าฯ ราชบุรี รวมพลัง บวร “หิ้วปิ่นโตเข้าวัด เอามื้อสามัคคี” ปลูกผักสวนครัว “จากวัดสู่ชุมชน” อุทัย มณี พ.ย. 15, 2023 วันที่ 15 พ.ย. 66 นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี… เจ้าอาวาสประกาศยกวัด!! ให้ทำโรงพยาบาลสนามรักษาโควิด-19 อุทัย มณี ม.ค. 17, 2021 วันนี้ (17 ม.ค.64 ) เฟซบุ๊ก พระอธิการทองสุข กิตติญาโณ เจ้าอาวาสวัดกรวด… คณะผู้บริหาร “มท.-วธ.” เข้ากราบสักการะสมเด็จพระมหาธีราจารย์ อุทัย มณี มิ.ย. 01, 2023 วันที่ 1 มิ.ย.66 วานนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย… จีนสนใจนำหลักพุทธพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนที่นับถือพร้อมศาสนาเต๋ามากกว่า 200 ล้าน อุทัย มณี พ.ย. 14, 2019 วันที่ 14 พ.ย.2562 เฟซบุ๊ก At HeaR ได้รายงานว่า นายควัน เจ๋อ จู รองประธานคณะกรรมการแห่งชนชาติและศาสนาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน… “สว.กิตติศักดิ์” คนดัง เจอหมายเรียก หลังพบมีความเกี่ยวข้องกรณีชายชุดดำบุกวัดบางคลาน ทำร้ายพระ – ชาวบ้าน อุทัย มณี พ.ค. 25, 2023 วันที่ 25 พ.ค. 66 จากกรณีความขัดแย้งภายในวัดบางคลาน จ.พิจิตร ระหว่างชาวบ้าน… Related Articles From the same category “ดร.นิยม” พรรคเพื่อไทย ถาม “พรรคก้าวไกล” จะดูแล “พระพุทธศาสนา” อย่างไร?? เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ดร.นิยม เวชกามา อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย… ศาลสั่งจำคุก 6 จำเลย 1 ปี ปรับ 2 หมื่น ทำลายวัด-ปิดรร. ขับไล่เจ้าคณะจังหวัด ศาลจังหวัดทุ่งสง เมืองคอน พิพากษาจำคุก 6 จำเลย 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท… พระพรหมบัณฑิตแนะศิลปะสร้างสุข วิธีแก้เซ็ง เบื่อ เอียน วันที่ 9 ธ.ค.2561 เพจ คติธรรม วาทะธรรมพระพรหมบัณฑิต ได้โพสต์ข้อความว่าด้วยเรื่อง… กรมการศาสนา ดึง “เยาวชน 5 ศาสนา” ร่วมสร้างสันติสุขแก่สังคมไทย วันที่ 12 ก.ค. 66 นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เปิดเผยว่า… แกะรอย ‘กรานกฐิน’ ตามแนววินิจฉัยในอรรถกถาพระวินัย ช่วยยุติความเห็นต่างในสังคมไทยได้ โดย..ศาสตราจารย์พิเศษ ร้อยโท ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ราชบัณฑิต เกริ่นนำ…
Leave a Reply