เวปข่าวมุสลิมไทยโพสต์ ได้เสนอข่าวว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา มีพระนิสิตจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้ ซึ่งเป็นพระนิสิตเรียน วิชาอิสลามศึกษา เป็นพระนิสิตจากหลายประเทศ อาทิ เมียนมา บังคลาเทศ อินเดีย ได้เข้าเยี่ยมชม “มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย” เรียนรู้การทำงานของมูลนิธิเพื่อศูนย์กลาง ฯ เรียนรู้วิถีมุสลิม โดยได้ ฉันเพลและดูการระหมาดวันศุกร์ของพี่น้องมุลิม นับเป็นการอยู่ร่วมกับแบบสังคมพหุวัฒนธรรมที่สวยงาม..
ปัจจุบันข่าวนี้ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายในสื่อโซเซียล ถึงความเหมาะสมและไม่เหมาะสม โดยเฉพาะ การนั่งร่วมฉันข้าวด้วยกัน กินกับข้าวในหม้อเดียวกัน
บางคนบอกว่า เหมาะสม เพราะทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี การเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างคนต่างศาสนา จะก่อให้สังคมเกิดความสงบสุข การไปผูกสัมพันธ์แบบนี้ถือว่า เป็นความสวยงามของพระนิสิต
บางคนบอกว่า สังคมไทย สังคมชาวพุทธต้องใจกว้าง เป็นสังคมที่หลากหลายชาติพันธุ์ การที่พระนิสิต มจร ไปร่วมผูกสัมพันธ์แบบนี้ถือว่า “ถูกต้อง” ส่วนการนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน อาจไม่ได้เป็นไปดังภาพ
ในขณะที่บางคนวิจารณ์ว่า ไม่เหมาะสม เพราะการที่พระภิกษุนั่งร่วมรับประทานอาหารกินกับข้าวในหม้อเดียวกันกับฆราวาสถือว่า ผิดพระวินัย
บางคนก็วิจารณ์ว่า คำว่า พหุวัฒนธรรม เป็นเรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่บางคนบางกลุ่มเรียกร้องเพื่อให้เกิดการยอมรับในสังคมใหญ่
รวมทั้งบางคนเรียกร้องให้ พระราชปริยัติกวี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สอบถามเรื่องนี้ถึง หตุผลที่ผู้บริหารคณะพุทธศาสตร์ อนุญาตให้ คณาจารย์ นำพระนิสิตนานาชาติ ไปดูงานลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย มีเหตุผลอะไรนอกจากต้องการศึกษาวิถีคนมุสลิมหรือไม่..
************************
แหล่งข่าวและภาพ http://news.muslimthaipost.com/
Leave a Reply