วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ดร.เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เผยว่า จากที่มีการร้องเรียนเรื่องวัดป่าและสำนักสงฆ์ที่ขาดตกเป็นจำนวนมากในการอนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 ขณะนี้มีวัดที่ยื่นคำขออนุญาตฯ ที่ยื่นจริงเพียง 5,835 คำขอ ซึ่งยังมีการร้องเรียนเรื่องวัดตกค้างอีกจำนวนมากที่ตกค้างอยู่ในเรื่องร้องเรียน ของ กมธ. ทั้งนี้ทาง กมธ. ก็มิได้นิ่งนอนใจได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งล่าสุดตนต้องขอขอบคุณนายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ ที่ได้นำเรื่องการอนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ผ่านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เข้าสู่การขยายเวลากับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
โดยล่าสุดเมื่อ 11 พฤษภาคม 2564 (วานนี้) ได้มีการนำวาระเรื่อง ขอขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 เข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการและผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 และเห็นชอบขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ โดยให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ภายใน 120 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาต ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ โดยจะไม่ให้มีการผ่อนผันอีก
ดร.เพชรวรรต กล่าวเพิ่มเติมว่าทั้งนี้หมายความว่า มติ ครม. จะนับจากวันที่ 11 พ.ค. 64 ไปอีก 120 วัน ซึ่งสิ้นสุดในวันอังคารที่ 7 กย. 2564 ที่จะต้องทำงานหนักเพื่อที่วัดและสำนักสงฆ์ จะสามารถเข้าสู่ระบบได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้เบื้องต้นทาง กมธ. ได้วางโครงสร้างคณะทำงานประสานการอนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ ตามมติ ครม. 11 พ.ค. 64 โดยประกอบด้วย
1.ตัวแทนของมหาเถรสมาคม ฝ่ายธรรมยุติและมหานิกาย ประธานที่ปรึกษา
2.นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ประธานกรรมการ
3.นายปกรณ์เกียรติ ญาณหาร กรรมการ
4.นายสัมพันธ์ เสริมชีพ กรรมการ
5.นางภิรมย์ เจริญรุ่ง กรรมการ
6.นายณพลเดช มณีลังกา กรรมการ
7.ตัวแทนกรมป่าไม้ กรรมการ
8.ตัวแทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรรมการ
9.ตัวแทนของกรมการศาสนา กรรมการ
10.ตัวแทนของกระทรวงมหาดไทย กรรมการ
ดร.ณพลเดช มณีลังกา อนุกรรมาธิการฯ พุทธศาสนาฯ สภาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเบื้องต้น ตนได้ประสานกับกับป่าไม้ และนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แล้ว โดยนายสิปป์บวร เผยว่า หากมีหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือสำนักพุทธ ก็จะทำให้การเข้าถึงวัดป่าที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร สามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง ในเบื้องต้น พศ. ยินดีที่จะเข้าร่วมที่จะดำเนินการเพื่อให้วัดและสำนักสงฆ์สามารถใช้พื้นที่ป่าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
Leave a Reply