ปลัดเก่งบินด่วนลง “ชุมพร” ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

วันนี้ (14 พ.ย. 64) เวลา 10:30 น. ณ ศาลาประชาคมองค์การบริหารส่วนตำบลสวี ที่ว่าการอำเภอสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่จังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ นายวรัตม์ มาประณีต ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย โดยมี นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายศิลปชัย เรือนสูง นายอำเภอสวี นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี นางสาวสุนารี บุญชุบ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดชุมพร ให้การต้อนรับ และนำตรวจเยี่ยม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนจังหวัดชุมพรที่กำลังประสบปัญหาอุทกภัยในขณะนี้ และพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ตนพร้อมด้วยอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยที่อำเภอสวี จังหวัดชุมพร รวมถึงติดตามการแก้ไขปัญหาการจราจรเส้นทางที่รถไม่สามารถสัญจรผ่านทั้งขาขึ้นและขาล่องภาคใต้ บริเวณทางหลวงหมายเลข 41 พื้นที่ตำบลสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ซึ่งเมื่อมาถึงพื้นที่แล้วพบว่า รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายในพื้นที่ สามารถแจ้งเตือนภัยพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที และเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็ว นับว่าเป็นการแก้ไขสถานการณ์ได้ดี แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวของภาคกลาง ภาคเหนือ ทำให้ความกดอากาศสูงของประเทศจีนตอนใต้ลงมาเจอกับความกดอากาศต่ำ ทำให้เกิดฝนตกที่ภาคใต้ และเมื่อฝนตกอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มวลน้ำสะสมเกิดสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งในขณะนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานกับหน่วยงานด้านบริหารจัดการน้ำของประเทศ คือ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในการติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ ทั้งน้ำฝน และน้ำบนฝั่ง โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์ติดตามและบริหารสถานการณ์น้ำ (Warroom) ภายในวันอังคารที่จะถึงนี้ ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี เพื่อบูรณาการติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และสามารถส่งข่าว กระจายข่าวให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ อำเภอ และจังหวัด ได้ประสานกับพี่น้องประชาชน เพื่อแจ้งเตือนและช่วยกันในการขจัดปัดเป่าปัญหาอุปสรรคน้ำท่วมต่าง ๆ ให้หมดไป และจะทำให้พวกเราสามารถผ่านช่วงฝนตกหนักในเดือนพฤศจิกายนตลอดทั้งเดือน จนกระทั่งถึงเดือนธันวาคมกลางเดือน ได้อย่างอุ่นใจ และก็รู้เท่าทันเหตุการณ์ข้างหน้าได้

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นอกจากนี้ ในแง่ของการช่วยเหลือเยียวยา ฟื้นฟู ได้สั่งการให้ทางจังหวัดชุมพร ร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้ง ปภ. ท้องถิ่น กองทัพบก รวมทั้งอาสาสมัครมวลชนต่าง ๆ เข้ามาช่วยดูแลในเรื่องของความสะอาดของถนนหนทาง และสถานที่ต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค ที่จะทำให้เกิดโรคระบาด ควบคู่กับการเข้าไปฟื้นฟูเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้อยู่อาศัยในบ้านเรือนได้อย่างปกติสุขในเวลาอันรวดเร็ว ตลอดถึงการอำนวยความสะดวกในการจัดตั้ง Fix it Center ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน เข้าซ่อมแซม ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์ที่เกิดความเสียหาย และขอให้จังหวัด อำเภอ ประสานหน่วยงานสาธารณสุข อสม. ดูแลสุขภาพของประชาชนให้ระมัดระวังโรคที่มาจากน้ำ ลงพื้นที่ช่วยดูแลประชาชน โดยเฉพาะพวกโรคน้ำกัดเท้า โรคผิวหนังต่าง ๆ และที่สำคัญในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดของประชาชนในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า ขอฝากให้พี่น้องประชาชนได้ช่วยกันใช้บริการแจ้งขอความช่วยเหลือศูนย์ฮอตไลน์ สายด่วนนิรภัย 1784 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง จะมีเจ้าหน้าที่รับเรื่อง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ไม่เฉพาะในช่วงน้ำท่วม รวมทั้งเรื่องถนนหนทาง ไฟไหม้ อุบัติเหตุ ด้วย แต่ถ้าเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉิน โทร. 1669 และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่เคารพเลื่อมใสของชาวชุมพร รวมถึงพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยและชาวชุมพรทุกท่านได้ประสบสิ่งดี ๆ ให้ผ่านอุปสรรคในครั้งนี้ไปอย่างราบรื่น ที่สำคัญที่สุดขอให้พวกเราช่วยเหลือกัน ไม่ทอดทิ้งกัน

นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า จังหวัดชุมพร ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ส่งผลให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. 64 เป็นต้นมา จำนวน 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพะโต๊ะ อำเภอสวี อำเภอหลังสวน อำเภอทุ่งตะโก อำเภอเมืองชุมพร และอำเภอปะทิว รวม 42 ตำบล 331 หมู่บ้าน 9 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 7,682 ครัวเรือน 24,739 คน ผู้เสียชีวิต 2 ราย โรงเรียน 1 แห่ง วัด 4 แห่ง บ้านพักอาศัย 520 หลัง สถานที่ราชการ 2 แห่ง โรงงาน 2 แห่ง ถนน 137 สาย คอสะพาน 1 แห่ง ฝ่ายน้ำล้น 5 แห่ง ท่อระบายน้ำ 3 แห่ง ท่อชนิดลอดเหลี่ยม 1 แห่ง โดยในด้านการแก้ไขและบริหารจัดการสถานการณ์ จังหวัดชุมพร ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด และศูนย์อำนวยการอำเภอทุกอำเภอ ประสานการเผชิญเหตุและบูรณาการ ระดมสรรพกำลังและทรัพยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนพื้นที่ประสบภัย พร้อมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย นอกจากนี้ ได้มีการจัดตั้งโรงครัวจิตอาสา ณ หอประชุมจังหวัดชุมพร ศูนย์ราชการจังหวัดชุมพร พร้อมทั้งบูรณาการฝ่ายปกครอง ทหาร มทบ.44 กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหาร ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจิตอาสา อาสาสมัคร เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และอพยพประชาชนในพื้นที่ และได้รับการสนับสนุนเครื่องอุปกรณ์จากหน่วยงานสังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน รวมถึงมูลนิธิในพื้นที่จังหวัดชุมพรและจังหวัดข้างเคียง ได้แก่ รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำระยะไกล เครื่องสูบน้ำขนาดท่อส่ง 14 นิ้ว รถไฟฟ้าส่องสว่าง รถบรรทุกน้ำ รถบรรทุก 6 ล้อ รถบรรทุกขนาดเล็ก เรือยนต์กู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว เครื่องจักรกล และเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน และสำหรับสถานการณ์น้ำท่วมถนนสายเอเชีย 41 ทุกจุดระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติ รถทุกชนิดสามารถสัญจรได้แล้ว โดยแขวงทางหลวงชุมพร ได้เปิดการจราจรพร้อมทั้งได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้เส้นทางช่วงบริเวณดังกล่าว และเพื่อความปลอดภัย ขอให้ผู้ใช้เส้นทางเพิ่มความระมัดระวังในการใช้เส้นทางดังกล่าวด้วย

สุดท้าย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากได้รับทราบจากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาและจากการแจ้งเตือนของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำว่า ในช่วง 2-3 วันข้างหน้าอาจจะมีฝนตกหนักอีก (17 – 19 พ.ย. 64) จนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน จึงขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ช่วยกันเคลื่อนย้ายสิ่งของที่อยู่ในที่ต่ำที่ลุ่มให้ไปอยู่ในที่สูง ถ้าบ้านเรือนเป็นบ้านชั้นเดียวหรืออยู่ในที่ต่ำ สามารถแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เข้าไปช่วยเหลือ หรือโทร. 1784 จะมีกำลังของ อปพร. อาสาสมัครของมูลนิธิการกุศล เข้าไปช่วยขนย้าย เพราะในทุกพื้นที่เรามีแผนสำรองในการอพยพทุกคนไปอยู่ในที่สูง ที่ปลอดภัย จึงขอให้ช่วยกันแจ้งเตือนและช่วยกันยกข้าวของ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ สาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในช่วงน้ำท่วม คือ “ไฟช็อต” จึงขอให้ทางจังหวัดและสื่อมวลชนได้ช่วยกันประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการดูแลอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเป็นกำลังสำคัญในการไปช่วยปรับแก้ไข ถ้าปลั๊กไฟอยู่ในที่ต่ำ ต้องตัดคัตเอาท์ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร และไฟช็อต อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

 จากนั้นปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้พบปะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ให้กับตัวแทนผู้สูงอายุ และประชาชนผู้ประสบภัย จำนวนกว่า 100 ชิ้น

Leave a Reply