เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.00 น. ที่ห้องภิรัชฮอลล์ 1-3 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เขตบางนา กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 1 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล” โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง นางทัศนีย์ เปาอินทร์ อธิบดีกรมบังคับคดี นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้บริหาร และประชาชนเข้าร่วมงาน
ทั้งนี้ช่วงท้ายของการกล่าวเปิดงาน ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้หันไปกล่าวกับพระสงฆ์ด้านหน้าที่มาร่วมงาน ว่า” ขออนุโมทนาสาธุ และกำลังใช้ธรรมะข่มใจอยู่ และถึงเวลาขอเปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ครั้งที่ 1 ณ บัดนี้”
ต่อมา พระครูปลัดอดิศักดิ์ วชิรปญฺโญ, ดร. เจ้าอาวาสวัดสารอด ประธานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน (2) แขวงราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร อาจารย์ประจำหลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว” Adisak Pimnon” ความว่า ในนามศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน (2) แขวงราษฎร์บูรณะ ตั้งอยู่ ณ วัดสารอด แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ได้เข้าร่วมงาน “สังคมสมานฉันท์ สร้างวัฒนธรรมการไกล่เกลี่ย” และรับป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน #จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร
“เลขาฯศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร” เสนอแนวป้องกันการเป็นหนี้วิถีพุทธสันติวิธี
ขณะที่พระปราโมทย์ วาทโกวิโท,ดร. อาจารย์หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เลขาฯศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน มจร ได้เสนอว่า ปัจจุบันมีการไกล่เกลี่ยหนี้ มีผู้คนเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นนโยบายที่ดีในการหาทางออกร่วมกัน โดยการเป็นหนี้ของแต่ละคนย่อมมีเหตุผลมีความจำเป็นที่แตกต่างกัน โดยการเป็นหนี้นำมาซึ่งการเป็นทุกข์ ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า อิณาทานํ ทุกขํ โลเก (อ่านว่า-อินาทานัง ทุกขัง โลเก) แปลว่าการเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก
สอดรับกับคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องสุขของคฤหัสถ์ หรือ คิหิสุข สุขของชาวบ้าน, สุขที่ชาวบ้านควรพยายามเข้าถึงให้ได้สม่ำเสมอ, สุขอันชอบธรรมที่ผู้ครองเรือนควรมี ประกอบด้วย
1)อัตถิสุข สุขเกิดจากความมีทรัพย์ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนโภคทรัพย์ที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงความขยันหมั่นเพียรของตน และโดยชอบธรรม
2)โภคสุข สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนได้ใช้ทรัพย์ที่ได้มาโดยชอบนั้น เลี้ยงชีพ เลี้ยงผู้ควรเลี้ยง และบำเพ็ญประโยชน์
3)อนณสุข สุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนเป็นไท ไม่มีหนี้สินติดค้างใคร
4)อนวัชชสุข สุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนมีความประพฤติสุจริต ไม่บกพร่องเสียหาย ใครๆ ติเตียนไม่ได้ ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ โดยในบรรดาสุข 4 อย่างนี้ อนวัชชสุข มีค่ามากที่สุด
การไม่เป็นหนี้จะต้องไม่พึ่งพาระบบแต่มีการพึ่งพาตนเอง อะไรคือความมั่นคงที่แท้จริง ? เป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบในชาตินี้ ใครที่สามารถพึ่งตนเองได้จะไม่ทุกข์มากนักแม้ในสถานการณ์ของโรคโควิด จะมีความมั่นคง แต่ระบบการศึกษาของเราไม่ได้สอนให้เราพึ่งพาตนเอง แต่พยายามมุ่งสอนให้เราพึ่งระบบเงิน ระบบธุรกิจ ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเมือง พอระบบเหล่านี้มีปัญหาระบบขัดข้องหยุดนิ่ง เราต่างได้รับผลกระทบเหมือนกัน เราจึงต้องสร้างความมั่นคงทางปัจจัย ๔ โดยเฉพาะความมั่นคงทางอาหาร ชีวิตต้องกลับไปหารากคือ ปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต จงสร้างความมั่นคงมีอิสรภาพของชีวิตอย่างแท้จริง
ถ้าเรามัวแต่พึ่งระบบต่างๆ พอเจอสถานการณ์ของโควิดทำให้บุคคลที่มีความฉลาดที่สุดต้องมีความทุกข์ เพราะระบบกระทบชีวิตก็กระเทือนเช่นกัน ทำให้คนตกงาน ขาดรายได้ ทำให้คนมีความเครียด เก็บกด กดดัน หนี้สิน ซึ่งในอนาคตอาจจะเกิดวิกฤตเกี่ยวกับเงินเพ้อ สงคราม พายุ ไฟฟ้า พลังงาน ถือว่าเป็นระบบส่งผลต่อชีวิต เรียกว่า “กระทบระบบกระเทือนชีวิต” ทำอย่างไรเราจะขยับห่างออกจากการพึ่งระบบให้น้อยลง แล้วพึ่งตนเองให้มากขึ้น แม้ระบบมีปัญหาจะกระทบชีวิตของเราน้อยลง ถ้าพึ่งตนเองได้ปัญหาจะน้อยลง อย่างน้อยเราสามารถทำมาหากินได้ พอกิน พออยู่ พอใช้ พอร่มเย็น ผู้ที่มีฐานทางทรัพยากรจะทำให้ชีวิตมีความสุข เราจึงต้องมีฐานหลักของชีวิตให้มีความมั่นคงให้ตนเองกินอิ่ม นอนอุ่น ทุนมี หนี้หมด สดชื่นเบิกบานใจ จงพึ่งพาระบบให้น้อยลง แล้วหันมาพึ่งพาตนเองให้มากขึ้น ด้วยการออกไปสร้างโมเดลของชีวิตอย่างแท้จริง แม้กระทบระบบจะไม่กระเทือนต่อชีวิต เพราะจุดอ่อนของระบบการศึกษาจะไม่ได้สอนให้เราพึ่งตนเองมุ่งให้เราพึ่งพาเพียงระบบเท่านั้น
จงกระตุ้นให้ตนเองมี Self Motivation ให้เราสามารถกระตุ้นตนเองได้ ให้มี Growth Mindset พร้อมที่จะเติบโตภายนอกและเติบโตภายใน แต่จงห่างจากบุคคลที่มี Loser Mindset จะเป็นคนขี้แพ้ตลอดปี คำว่า #Loser_Mindset สะท้อนถึงกาลเวลาล่วงเลยไปพฤติกรรมการกระทำของเรายังเหมือนเดิมหรือมีการเปลี่ยนแปลง จะอยู่แบบผู้ชนะหรือจะอยู่แบบผู้แพ้ ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้คือ เงิน อันเครื่องอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต พฤติกรรมการเผาเงินทิ้งเกิดจาก Loser Mindset อันหมายถึง #เป็นความคิดของคนขี้แพ้หรือไอ้ขี้แพ้ จะมีแนวโน้มพฤติกรรมที่จะเผาเงินทิ้ง เป็นหนี้มีความทุกข์ ด้วยพฤติกรรม 5 ประการ คือ
1) #เล่นหวยล็อตเตอรี่ โอกาสในการถูกรางวัลถือว่าเป็นหนึ่งในล้าน เพราะมีเลขหกหลัก ทุกครั้งที่เราเล่นหวยล็อตเตอรี่เรากำลังจะบอกว่าเราคือคนขี้แพ้ เพราะเราไม่สามารถสร้างเงินได้ด้วยตนเอง จึงต้องหวังพึ่งโชคชะตาและพึ่งดวง กำลังจะบอกว่าตนเองไม่มีความสามารถไม่มีศักยภาพ สมองไม่มีความสามารถจะสร้างเงินด้วยตนเอง จงสร้างรางวัลที่หนึ่ง ด้วยหนึ่งสมองและสองมือของเราเอง ซึ่งถ้าแปลความหมายออกมา ห คือ หายนะ ว คือ วอดวาย ย คือ ยับเยิน หวยจึงเป็นเพียงความน่าจะเป็น แต่ที่เห็นในปัจจุบันคือ “ความน่าจะจนมากกว่ารวย”
2) #ซื้อของเพื่ออวดคนอื่น ชอบใช้เงินที่เราไม่มีเพื่อซื้อของในสิ่งที่เราไม่อยากได้ เพื่ออวดคนที่เราไม่ชอบหน้า เรามักจะใช้เงินอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเงินจากบัตรเครดิต เงินยืมคนอื่นมา เพื่อซื้อของอวดคนที่เราไม่ชอบ ความจริงแล้วเป็น Loser Mindset กำลังจะบอกว่าเรามี #ความรักตนเองที่ต่ำ เราจะรักตนเองได้เมื่อเราจะชนะใครบางคน เพื่อให้เหนือคนอื่น ถือว่าเป็นพฤติกรรมขี้แพ้ จึงย้ำว่า ของมีไว้ใช้กับมีไว้โชว์ คุณค่ามันต่างกัน จงมีไว้ใช้เพื่อให้เกิดคุณค่าสูงสุด
3) #ซื้อเหล้าซื้อบุหรี่ แสดงเราไม่สามารถควบคุมตนเองได้ อนาคตเราจะเป็นผู้นำแค่ตัวเราเอง เรายังไม่สามารถควบคุมได้ แล้วเราจะสามารถคุมใครได้ ขนาดสุขภาพของตนเองเรายังไม่สามารถรักได้ แล้วเราจะสามารถรักใครได้ ถือว่าเป็น Loser_Mindset สุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิต ขนาดชีวิตตนเองเรายังไม่รักแล้วเราจะไปรักชีวิตใครได้ จงหลีกเว้นจากอบายมุขทั้งปวง
4) #การลงทุนแบบไม่มีความรู้ สมการของโลกนี้คือ เราต้องมีความรู้จึงนำไปสู่ความสำเร็จหรือความร่ำรวยได้ แต่มีคนพยายามบอกว่าไม่ต้องมีความรู้แต่สามารถไปสู่ความร่ำรวยได้คือ แชร์ ลูกโซ่ มีการถูกหลอกมากมาย เพราะเรามีความเชื่อว่าไม่ต้องมีความรู้แต่สามารถไปสู่ความร่ำรวยได้ แชร์ลูกโซ่จึงทำขึ้นมาเพราะเป็นจุดอ่อนของผู้คน ว่า ไม่ต้องมีความรู้ใดๆ หรือ ไม่ต้องมีความรู้เพียงมีเครื่องลางของขลังก็สามารถรวยได้ ความรู้จึงเป็นทุนเพื่อเป็นฐานไปสู่ความสำเร็จ อย่าลงมือทำอะไรโดยไม่มีการทบทวนวรรณกรรม
5) #ให้คนอื่นยืมเงิน การที่บุคคลหนึ่งไปให้คนอื่นยืมเงินนั้น เพราะเขาต้องการการยอมรับจากผู้คนต่างๆ ถือว่าเป็น Loser Mindset เพราะต้องการให้คนอื่นยอมรับตนเองตลอดเวลา เพราะเราไม่สามารถยอมรับตนเองได้ สรุปคนให้ยืมโง่หรือคนยืมโง่ ง่ายเวลาให้ยืมและยากเวลาใช้คืน มิตรภาพล้มสลายนับตั้งแต่วินาทีที่ให้คืนไม่ตรงเวลา จึงเป็นความยากมากที่เราจะได้เงินคืน
ดังนั้น Loser Mindset จึงเป็นความคิดของคนขี้แพ้ จึงควรหยุดพฤติกรรมการเผาเงินทิ้ง การเป็นหนี้ จงมีสติในการใช้ชีวิตและการทำงานจงหลีกเลี่ยง 5 พฤติกรรม มีการบริหารเงินที่ดี ชีวิตจะนำไปสู่ความสุข จึงต้องมีการ Self Motivation เป็นการกระตุ้นตนเองให้ห่างจาก Loser Mindset จงเข้าใกล้ Growth Mindset จงใช้ชีวิตพออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็น พอแบ่งปัน ไม่ขัดสน เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย มีความมั่นคงทางด้านอาหารและมีความมั่นคงทางด้านจิตใจ จะนำไปสู่ความมั่นคงทางด้านชีวิตตลอดไป
Leave a Reply