วันที่ 26 เม.ย. 65  หลังจาก เพจบุ๊ค  น.ต.ศิธา ทิวารี – Sita Divari  ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์เพชบุ๊คส่วนตัวเป็นภาพโปสเตอร์หาเสียงมีข้อความว่า “หากได้เป็นผู้ว่า ฯ กทม.นร.หญิงต้องได้คลุมฮิญาบ นร.ชายต้องได้ใส่ขายาว” ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ชาวพุทธอย่างกว้างขวาง เนื่องจากชาวพุทธกลุ่มหนึ่งกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด กับคำพิพากษาศาลปกครองยะลาที่ให้นักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบได้ในโรงเรียนอนุบาลที่ตั้งอยู่ในเขตวัดหรือธรณีสงฆ์   สำหรับรายละเอียดเนื้อหาใน เพจบุ๊ค  น.ต.ศิธา ทิวารี – Sita Divari   มีข้อความว่า

ในช่วง #เดือนรอมฎอน นี้ ผมได้ลงพื้นที่แนะนำตัวกับ #พี่น้องมุสลิม  จึงมีโอกาสได้รับฟังปัญหาต่างๆจากพี่น้องที่ได้สะท้อนให้ทราบ รวมทั้งข้อเสนอแนะดีๆที่สามารถทำได้เลย และควรเร่งทำด้วย!

ผู้ว่าฯกทม…..ควรทำอะไรบ้าง? ลองฟังดูครับ

-ควรส่งเสริมการท่องเที่ยว  ดึงพี่น้องมุสลิมเข้ามาสร้างรายได้เพิ่มขึ้น

-ควรประสานเอกชน จัดอาหารฮาลาลในโรงแรมที่พักเพิ่มเติม รับการเปิดเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ

-เพิ่มสถานที่ละหมาด ตามจุดบริการนักท่องเที่ยว

-สนับสนุนงบประมาณ เรื่องค่าตอบเเทนครูสอนคุรุสัมพันธุ์ (ตาดีกา)

-ปรับปรุงโรงเรียนในสังกัด กทม.ไม่ให้ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการนับถือศาสนาของพี่น้องมุสลิม “นักเรียนหญิงต้องได้คลุมฮิญาบ นักเรียนชายต้องได้ใส่กางเกงขายาว” เพื่อไม่เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการนับถือศาสนาเเละปฏิบัติศาสนาของประชาชนมุสลิม

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พี่น้องมุสลิม ทั้งเขตหนองจอก สะพานสูง สวนหลวง ลาดกระบัง ราชเทวี พญาไท  เขตประเวศ และเขตอื่นๆ ได้แลกเปลี่ยนกันกับผมและทีมงาน และแต่ละเรื่องมีรายละเอียดครบถ้วน ชัดเจน โดยเฉพาะปัญหาที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร ซึ่งผมเชื่อว่าหากพวกเราไทยสร้างไทย มีโอกาสได้เข้าไปรับใช้พี่น้องชาว กทม.ยืนยันว่าปัญหาและข้อเสนอแนะเหล่านี้สามารถดำเนินการได้ไม่ยากครับ…

[โรงเรียนสังกัดกรุงเทพ ต้องใส่ฮิญาบ-ขายาว ได้]

พี่น้องมุสลิมบอกเราว่าโรงเรียนในสังกัด กรุงเทพมหานคร ยังห้ามนักเรียนหญิงที่ต้องคลุมฮิญาบ เเละนักเรียนชายที่ต้องสวมกางเกงขายาว ในการเข้าเรียนตามปกติ ทั้งๆที่ระเบียบการเเต่งกายของนักเรียนนั้น  กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้เเต่งกายตามศาสนบัญญัติได้

เรื่องนี้แก้ไขได้ง่าย โดยทำหนังสือถึงโรงเรียนภายใต้สังกัด กรุงเทพมหานคร ให้เข้าใจเเละปฏิบัติตาม ระเบียบของ กระทรวงศึกษาธิการฯอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการนับถือเเละปฏิบัติตามศาสนนิยมตามที่บัญญัติไว้

[ครูสอนคุรุสัมพันธุ์ ต้องมีขวัญกำลังใจ]

ในปัจจุบันพบว่า ครูผู้สอนในโรงเรียนคุรุสัมพันธ์ วันเสาร์อาทิตย์ตามมัสยิดต่าง ๆ  ซึ่งสอนศาสนาอิสลามขั้นพื้นฐาน ที่มุ่งเน้นให้เด็กเยาวชนในชุมชน เป็นคนดีมีศีลธรรม มีคุณธรรม เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของสังคมประเทศชาติ ยังไม่มีค่าตอบเเทน เป็นการทำเเบบจิตอาสา ยังไม่มีการเหลียวเเลจากภาครัฐ  ซึ่งเรื่องนี้แก้ไขได้โดยการสนับสนุนงบประมาณ ค่าตอบเเทนครูสอนคุรุสัมพันธุ์ (ตาดีกา)เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนทุนคน

[ห้องละหมาด เพื่อพี่น้องมุสลิม]

ประชากรมุสลิมทั้งที่เป็นประชากรหลัก เเละประชากรเเฝง ใน กทม.มีอยู่เป็นจำนวนมาก หากประเทศไทยจะเปิดการท่องเที่ยวเต็มรูปเเบบ เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยว ทั้งจากกลุ่มประเทศอาหรับ และกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น เเต่เราพบว่า สถานที่ละหมาด ตามสถานท่องเที่ยว หน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน มีไม่เพียงพอและทั่วถึง เรื่องนี้จึงเป็นอีกกรณี ที่จะต้องพิจารณา จัดเตรียมสถานที่ละหมาดในที่สาธารณะ ทั้งในห้าง หน่วยงานเอกชน หน่วยงานรัฐ สถานที่ท่องเที่ยว ให้ทั่วถึง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเเละนักท่องเที่ยวในอนาคต

[กระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยอาหารฮาลาล]

โรงเเรมต่างๆ ในกทม.ยังไม่ค่อยมีการจัดอาหารฮาลาล ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ซึ่งทำให้ประเทศไทยที่กำลังเปิดรับนักท่องเที่ยว ทั้งกลุ่มอาหรับ เเละกลุ่มอาเซียน เสียโอกาสและอาจขาดรายได้ในส่วนนี้ไป จึงเห็นควรที่กทม.จะต้องประชาสัมพันธ์ กระตุ้นให้ โรงเเรม ห้างสรรพสินค้า ใน กทม. จัดทำอาหารฮาลาล ต้อนรับผู้ใช้บริการให้เพียงพอต่อไป

ในขณะที่เสียงวิจารณ์มีทั้งผู้เห็นด้วยกับเห็นต่างในทั้งเฟชบุ๊คส่วนตัวของผู้โพสต์และเพจอื่น ๆ  เช่น

– นี่คือนโยบายเร่งด่วนหรือครับ

– ความเป็นไทยต่างจากโลกมุสลิม

– นี่คือ ปัญหาใหญ่แน่เลย ที่ผู้ว่า กทม.ต้องรีบแก้ไข

– อยากให้เพิ่มห้องละหมาด ทุกๆสถานที่เลยคับ เช่น โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ใกล้ ๆสถานที่สาธารณะคับ เพราะเพื่อนๆ จากอาเซียน เวลาไปเที่ยวกทม. หาที่ละหมาดยากมาก จะละหมาดที่สถานอื่น ๆ ก็กลัวมีนายิส เพราะสัตว์เลี้ยงเต็มสถานที่

– ขอบพระคุณพี่ปุ่น และไทยสร้างไทยมากๆครับ ที่เข้าใจหัวอกและความรู้สึกของพี่น้องมุสลิมครับผม