เล่าเท่าที่รู้ : พุทธศาสนาในเวียดนาม

 

ในขณะที่เขียนบทความอยู่นี้ “เปรียญสิบ” เดินทางมาร่วมงาน “เทศกาลวันวิสาขบูชานานาชาติ” ที่ประเทศเวียดนามกับคณะสงฆ์วัดพระธรรมกาย และคณะสงฆ์อีก 4 ประเทศคือ ศรีลังกา มังคลาเทศ ลาวและกัมพูชา

พุทธศาสนาในประเทศเวียดนามกำลังเติบโตแบบ “ก้าวกระโดด” เนื่องจากประชาชนเวียดนามจากเดิม “ไม่นับถือ” ศาสนาใดสูงถึง 70%  หลังปี 2541 นโยบายรัฐบาลคอมมิวนิสต์แบบเวียดนามผ่อนคลายมากขึ้น เปิดประเทศมากขึ้น ผู้คนจึงหันกลับมานับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาเดิมที่บรรพบุรุษตนเองนับถือมาก่อนอยู่แล้ว

ปัจจุบันมีพระภิกษุและภิกษุณีนับร้อยรูปไปศึกษาต่ออยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หลังจากจบการศึกษาแล้วก็นำความรู้ที่ศึกษาพัฒนากิจการคณะสงฆ์และพุทธศาสนาในเวียดนาม เพราะพระภิกษุและภิกษุณีเหล่านี้ “บวชตลอดชีวิต” คล้ายกับพระศรีลังกา

ส่วนคณะสงฆ์ไทยยัง “หลงอยู่” คิดแบบเฟ้อฝันว่าประเทศไทยคือ “ศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก” เป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล ไม่จำเป็นต้องไปเรียนที่ไหน ไม่ต้องไปเชื่อมสัมพันธ์กับใคร สมกับถูกเขาด่าว่าดินแดนแห่ง “กะลาแลนด์” แท้

“คณะสงฆ์เวียดนาม” ยุคนี้ไปเชื่อมสัมพันธ์กับคณะสงฆ์ทั่วโลก ไม่เฉพาะมหายานเท่านั้น แม้แต่เถรวาทก็ไปเชื่อมสัมพันธ์  อย่างวัดที่จัดงานวิสาขบูชานานาชาติที่เวียดนามปีนี้ชื่อ “วัดบ๋าหว่างเจดีย์” วัดตั้งอยู่งบนเนินเขา เป็นวัดใหญ่คล้าย ๆ กับวัดพระธรรมกาย มีสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“พระ ทึก ตรูก ท้าย มีน” เจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ได้ ประกาศท่ามกลางคณะสงฆ์จาก 6 ประเทศเลยว่าจะแปลงนิกายเข้าสังกัด “เถรวาท” เนื่องจากสนใจวัตรปฎิบัติแบบ “เถรวาท” ทั้งเรื่อง “สติปัฎฐานสี่-ธุดงค์วัตร ” และ “การบิณฑบาต” ภายใต้การอนุมัติของคณะสงฆ์มหายานและ “รับรอง” ของรัฐบาล

และที่สำคัญตอนนี้วัดแห่งนี้เชื่อมผูกมิตรกับวัดพระธรรมกายแบบ “วัดพี่วัดน้อง” ภายใต้สโลแกน “พุทธบุตรต้องป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว”  ซึ่งการเผยแผ่ศาสนา พระ ทึก ตรูก ท้าย มีน ประกาศท่ามกลางสงฆ์ว่าไม่ต้องพูดถึงนิกาย ไม่พูดถึงประเทศ เพราะทุกรูปคือ “พุทธนิกาย” ทุกรูปคือ “พุทธบุตร” มีเป้าหมายและภารกิจร่วมกันที่จะทำให้สรรพสิ่งในโลกใบนี้มี “ความสุข”

ต่อจากนี้ไป “วัดบ๋าหว่างเจดีย์” แห่งนี้จะกลายเป็นวัดเถรวาทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนามและจะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พุทธศาสนาในโลกนี้ด้วย เพราะเจ้าอาวาสมีบารมีและคนศรัทธาจำนวนมาก

สังเกตจากการจัดงาน “วิสาบูชานานาชาติ” ปีนี้มีคณะสงฆ์ทั้งภายในประเทศและนานาชาติมาร่วมงานจำนวนมาก การดูแลภายในวัดทั้งเรื่องอาหาร ที่พัก ห้องน้ำ ค่อนข้างดูมีระเบียบ สะอาดสะอ้าน มีประชาชนชาวพุทธเวียดนามมาร่วมงานวิสาขบูชา – เดินริ้วขบวน – ร่วมใส่บาตรนับหมื่นคน

ซึ่งการการจัดงานวิสาขบูชานานาชาติ ทั้งนิมนต์พระจากต่างประเทศ ทั้งเรื่องอาหาร การบริหารจัดงาน เท่าที่ทราบวัดบ๋าหว่างเจดีย์ “ไม่พึ่งเงินรัฐ” แม้แต่บาทเดียว??

วัดออกเองทั้งหมด!! ถามว่าในประเทศไทยวัดไหนทำได้แบบนี้บ้าง

“เปรียญสิบ” ไม่ต้องบอกให้ “คณะสงฆ์ไทย” หมั่นไส้ คิดเอาเอง??

ความเจริญและการเติบโตพระพุทธศาสนาในเวียดนาม ทั้งจำนวนพระสงฆ์ – ภิกษุณีที่เพิ่มขึ้นคนเวียดนามหันมานับถือพระพุทธศาสนาที่มากขึ้น เป็นสิ่งที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง!!

โดยเฉพาะ “มหาวิทยาลัยสงฆ์” ของประเทศไทย โอกาสรออยู่ข้างหน้าด้วยจำนวนประชากร 96 ล้านคน จากคำบอกเล่าของสมัชชาสงฆ์เวียดนามมีคนนับถือศาสนาพุทธไม่ต่ำกว่า 40 ล้านคน จำนวนพระภิกษุและภิกษุณีเพิ่มขึ้นทุกปี การเติบโตเศรษฐกิจก้าวหน้ากว่าไทย การเมืองมั่นคง มันคือตลาด “ลูกค้า” อย่างดีที่จะเชิญ ชวน เชื่อมให้มาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง

ในขณะที่คณะสงฆ์ไทย นับตั้งแต่อดีตพระพรหมสิทธิ ประธานฝ่ายต่างประเทศของมหาเถรสมาคมถูกจับ “ติดคุก” และ “ถูกปลด” ตอนนี้คณะสงฆ์ไม่รู้ใครดูแลเรื่องต่างประเทศ  “เงียบดั่งป่าช้า”

คงอีกไม่นาน “ประเทศเวียดนาม” นอกจากจะล้ำหน้าเรื่องเศรษฐกิจกว่าประเทศไทยแล้ว  กิจการพระพุทธศาสนาคงก้าวหน้าไม่แพ้กัน!!

 

 

 

 

 

 

 

Leave a Reply