เยือนเมืองดอกบัว “มหานคร” แห่ง โคก หนอง นา (ตอน2) คำว่า “เขตเศรษฐกิจพอเพียง” ถือว่าเป็นคำใหม่ในสังคมไทย เนื่องจากคำนี้เพิ่งปรากฏในเอกสารสั่งการของ สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ลงนามเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการการขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ คำว่า เขตเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ และ โครงการโคก หนอง นา จริง ๆ มันคือเรื่องที่ต่อเนื่องกัน ทั้ง 2 เรื่อง มันเน้นหนักเรื่องของการที่จะทำให้เราอยู่รอดปลอดภัย เพราะเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วมา ทั่วโลกรวมทั้งประเทศเราประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทรวงมหาดไทย ในฐานะเป็นหน่วยงานภาครัฐ เป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญของรัฐบาลที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชน จึงร่วมกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีอาหารกินแบบ พอกิน พอใช้ พออยู่ และพอร่มเย็น และก็มีคุณภาพชีวิตที่ดี มั่นคงอย่างยั่งยืน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “แต่การที่จะก้าวไปสู่ความมั่งคั่งได้ มันจำเป็นต้องมีการรวมกลุ่มที่เกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งของเราเน้นที่การรวมกลุ่มในการที่จะทำให้พี่น้องประชาชนที่ร่วมกันทำโคกหนองนามีกระบวนการผลิต การมีผลผลิตที่สามารถนำมารวม เพื่อให้มีปริมาณมาก ๆ เพื่อนำไปสู่การแปรรูปหรือการขายส่ง ขายปลีกที่มีปริมาณมากพอที่ตลาดมีผู้บริโภคจำนวนมากสามารถที่จะมาเป็นลูกค้าได้ ดังนั้นถามว่าเป็นเรื่องเดียวกันไหม คล้าย ๆ กันนะ เป็นการต่อยอดเป็นการขยายผลเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าทฤษฎีใหม่ มันมีขั้นที่จะสามารถทำให้เศรษฐกิจพอเพียงมีขั้นต้น ขั้นกลาง แล้วขั้นก้าวหน้า เขตเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนขั้นก้าวหน้านั่นเอง..” ข้อความเบื้องต้นคือคำกล่าวของ “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ได้สัมภาษณ์กับ “ทีมข่าวพิเศษ” ไว้ตั้งแต่ก่อนที่เราจะลงพื้นที่จริงเพื่อไปดูผลสำเร็จและความเตรียมพร้อมของประชาชนที่เข้าร่วมทำโครงการ โคก หนอง นา ใน 4 ภูมิภาค 10 จังหวัด ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ทีมงานลงไปพูดคุย ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่มีผลผลิตครบ 4 พ.แล้วคือ พออยู่ พอกิน พอใช้ พอร่มเย็นและหลายครัวเรือนถึงขั้นรวมตัวกันแปรรูปจัดตั้งเป็น “วิสาหกิจชุมชน” ออกจำหน่ายไปทั่วประเทศแล้ว การขับเคลื่อนขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ เป็นการดำเนินการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงหรือทฤษฎีใหม่ในทุกระดับชั้น ตั้งแต่ชั้นพื้นฐานที่เป็นการสร้างความมั่นคงในระดับครัวเรือน ชั้นกลางที่เป็นการสร้างการรวมกลุ่มของระดับชุมชน และขั้นก้าวหน้า เป็นการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการต่อยอดผลผลิตในทุกมิติด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่และเป็นการต่อยอดจากเดิม เรื่องนี้ ผศ.พิเชษฐ โสวิทยกุล ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย บอกว่า การขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับหมู่บ้าน ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ผ่าน 5 กลไกหลัก คือ 1.ประสานงานภาคีเครือข่าย 7 ภาคี 2. การบูรณาการแผนงานและยุทธศาสตร์ 3.กำกับ ติดตาม หนุนเสริม เตือนภัยและประเมินผล4. จัดการความรู้และพัฒนาบุคลากร และ 5. รับฟังและสื่อสารสังคมแบบเชิงรุก “จังหวัดอุบลราชธานี” เป็นจังหวัดหนึ่งที่นำโด่งมาตลอดในเรื่องการขับเคลื่อนโครงการ โคก หนอง นา ทั้งจำนวนผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการ ทั้งจำนวนแปลง และทั้งความพร้อมที่จะขับเคลื่อน “เขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง” อาจเป็นนอกจากมีภาคข้าราชการและภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็งแล้ว จังหวัดจังหวัดอุบลราชธานีมี “พระภิกษุ” สองรูปเป็นที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทยด้วย คือ คือ พระปัญญาวชิรโมลี และ พระพิพัฒน์วชิโรภาส ซึ่งทั้ง 2 รูปถือว่าเป็นพระที่ขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจฐานรากในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ประชาชนอยู่ดีกินดี อันตั้งอยู่บนฐานเศรษฐกิจพอเพียงเจริญตามรอยศาสตร์ของพระราชาอย่างได้มรรคได้ผล มีผลสำเร็จเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ ความร่วมมือแบบนี้สมควรให้จังหวัดอื่น ๆ นำเอาไปเป็นแบบอย่างในการขับเคลื่อนการทำงานระหว่างภาครัฐ คณะสงฆ์และประชาชนตามหลัก “บวร” ดร.ภคิน ศรีวงศ์” นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ รับอาสาพาไปพบ “เจ้าคุณ” ทั้ง 2 รูปทั้ง พระปัญญาวชิรโมลี และ พระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้เป็นหลักสำคัญของการขับเคลื่อนแปลงโคก หนอง นา ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีพร้อมทั้งจะไปสอบถามแนวคิดและความคืบหน้า ที่จะให้จังหวัดอุบลราชธานีนำร่องจัดตั้ง “เขตเศรษฐกิจพอเพียง” โครงการพระราชทานโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง (วัดป่าศรีแสงธรรม) ตำบลห้วยยาง อำเภอ โขงเจียม อุบลราชธานี ที่นี้ทีมงานได้พบกับ “พระปัญญาวชิรโมลี” เจ้าของฉายา “พระเสียดายแดด” เนื่องจากท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการติดตั้งโซล่าเซลล์ ภายในวัดมีโรงเรียนการกุศลซึ่งมีนักเรียนนับร้อยคน ส่วนใหญ่เด็กภายในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียง ที่นี่มีศูนย์ฝึกอบรมติดตั้งโซล่าเซลล์ “พระปัญญาวชิรโมลี” พาทีมงานเดินดูบริเวณพื้นที่วัด ซึ่งตอนนี้กำลังพัฒนา ทั้งกำลังทำถนนลาดยางเข้าไปยังวัด ภายในวัดมีการสร้ากุฎิรับรองพระเถระทั้งกุฎิดินและกุฎิไม้สไตล์รีสอร์ตตั้งอยู่กลางป่าไม้ดูแล้วรื่นรมย์ใจ ตามถนนหนทางก็มีการจัดเก็บน้ำแบบ “ธนาคารน้ำใต้ดิน” เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง พร้อมกับพาไปดู “โคกอีโด่ยวัลเล่ย์” ถามท่านว่า “อีโด่ยวัลเล่ย์” หมายถึงอะไร ท่านตอบว่าเป็นคำเสียดสีเสมือนคำภาคกลางว่า “ทุรกันดาร +ไกลปืนเที่ยง” ประมาณนั้น ในขณะที่ทีมงานสนทนากับพระปัญญาวชิรโมลีมีชาวบ้านอย่างน้อย 2 -3 กลุ่มเดินทางมาพบท่านพร้อมกับถือโฉนดที่ดินมา ด้วยความสงสัยจึงถามท่านตอบว่า กำลังจะซื้อที่ดินวัดเพิ่ม เพราะกำลังจะเตรียมขยายการทำโคก หนอง นา แล้วจะต่อยอดเป็นเขตเศรษฐกิจพอเพียง หลังจากรับซื้อแล้วชาวบ้านคนไหนไร้ที่ดินทำกิน ไม่มีที่ดินจะแบ่งเป็นล๊อค ๆ ครัวเรือนละประมาณ 2 ไร่ รวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน “ความจริงเรื่องการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพอเพียง นายกรัฐมนตรีโดยหลักการนายกรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว แต่สภาพัฒน์ ฯ ยังไม่ขยับ วันก่อนก็ไปเร่งรัดกับนายกรัฐมนตรีอีกรอบ เพราะเรื่องนี้หากทำได้มันจะเสริมเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง ชาวบ้านจะพึ่งตนเองได้ แต่ต้องคิดแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 นะ หากคิดผลิตเพื่อมุ่งหากำไร มุ่งแต่ความร่ำรวย เข้าทางระบบทุนนิยม เข้าทางนายทุนอีก ชาวบ้านก็จะไม่ได้อะไร..” จากข้อมูลขององค์กร “Concern Worldwide” ซึ่งเป็นหน่วยงานให้ความช่วยเหลือและมนุษยธรรมที่ใหญ่ที่สุดของไอร์แลนด์ ในปี 2563 ได้สรุปสาเหตุสำคัญของความยากจนในโลก สาระสำคัญ 5 อันดับแรกคือ 1. การขาดแคลนนำสะอาดและอาหาร2. การไม่มีงานทำ หรือ มีรายได้ไม่เพียงพอ 3. การขัดแย้งและสงคราม 4. ความไม่เท่าเทียม และ 5. การขาดการศึกษา การจัดตั้ง “เขตเขตเศรษฐกิจพอเพียง” นอกจากตอบโจทย์แก้ปัญหาเหล่านี้แล้ว ยังตอบโจทย์ของสหประชาชาติ (UN)ที่ขอความร่วมมือจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกร่วมกันจับมือเดินไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ซึ่งมีทั้งหมด 17 ข้อ ซึ่งผู้คนมากกว่า 800 ล้านคน หลายคนยังขาดการเข้าถึงอาหาร น้ำดื่มที่สะอาดและสุขอนามัยที่เพียงพอ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในบางประเทศก่อให้เกิดความเหลือมล้ำ “คนรวยยิ่งรวย คนจนยิ่งจนลง” สหประชาชาติหรือ UN จึงขอความร่วมมือจากประเทศสมาชิกทั่วโลกดำเนินการ SDGs เพื่อร่วมมือกันไปสู่เป้าหมายที่จะขจัดความยากจนในทุกรูปแบบให้แล้วเสร็จภายในปี 2573 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและผู้ด้อยโอกาสจำนวนมาก ได้รับการเข้าถึงอาหารที่เพียงพอและมีคุณค่าทางโภชนาการตลอดทั้งปี เป้าหมายนี้ยังเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืน ซึ่งแนวทางนี้หลายข้อสอดคล้องกับการดำเนินการโครงการโคก หนอง นา ที่กระทรวงมหาดไทยกำลังพยายามต่อยอดเป็น “เขตเศรษฐกิจพอเพียง” “พระพิพัฒน์วชิโรภาส” ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทยอีกรูปหนึ่ง บอกกับทีมงานว่า การขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพอเพียงต่อยอดจากโคกหนองนาตัวนี้มันเป็นเชิงธุรกิจแล้ว อยู่ในขั้นก้าวหน้า ไม่ใช่ 4 พ แล้ว คือเป็นเรื่องการลงทุนที่จะต้องมีกำไรเข้ามา เป็นการแปรรูปแบบ อุตสาหกรรม ซึ่งเสนอทางสภาพัฒน์ฯไป เขาอยากให้ปรับเป็นโมเดลแปลงใหญ่ จริง ๆ ปลัดเก่ง (นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย) ก็โต้ว่า “ถ้าแบบนี้คนยากจนไม่ได้มีที่ขนาดนั้น ชาวบ้านก็อาจจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ..” ในส่วนแปลงเล็กชาวบ้านก็จะปลูก ถั่วลิสง ถั่ว เหลือง ถั่วเขียว อาตมามองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะ ตอนที่ปลัดท่านอยู่ แล้วพอโครงสร้างมันหยุด จะไปต่ออย่างไร ถ้าบริหารจัดการไม่ดีมันก็เหมือนกับ อบต. ที่สร้างไว้แล้วไม่มีคนอยู่ เพราะการบริหารจัดการต้องอาศัยภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือด้วย ต้องสร้างคนให้เป็น CEO เหมือนรูปแบบบริษัทเลย อาตมายังบอกว่าถ้าคัดคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรมก็จบ ต้องเลือกคนมีคุณธรรม ส่วนทักษะการตลาดชาวบ้านเหล่านี้ก็ไม่ค่อยเป็นกัน ส่วนใหญ่จะเก่งด้านการผลิต ดังนั้นจะต้องหาคนที่เก่งทางด้านการตลาดเข้ามาเพื่อช่วยให้เข้ามาบริหารจัดการขับเคลื่อนต่อได้ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า ซึ่งทางอาจารย์โก้ (ผศ.พิเชษฐ โสวิทยกุล) ได้ ประสานกับเจ้าคุณปัญญา (พระปัญญาวชิรโมลี) เรื่องเขตเศรษฐกิจพอเพียง แต่นายกรัฐมนตรี ก็ต้องกลับไปถามทางสภาพัฒน์อยู่ดีว่า ที่เขาคอมเม้นมานี้ปรับแก้หรือยัง แล้วก็ยังไม่แน่ว่าจะได้หรือเปล่า ทางศูนย์พื้นที่เราก็ทำแผนไป ถ้าหากแผนไม่เข้าอย่างน้อยก็เอาไว้ และได้กำหนดทิศทางกับทางจังหวัดในแนวทางการขับเคลื่อนว่าจะไปต่ออย่างไร “ ทีแรกอาตมาก็เป็นคนชวน พอตอนหลังมีเรื่องโมเดลก็ได้ปรับมาทำโมเดล แต่เนื่องจากมันไม่นิ่ง อาตมามองว่า ในพื้นที่ของเราอะไรที่อยู่ในฐานมั่นคงของเรา ฐานเดิมของเราคือ โคก หนอง นา ฐานคุณธรรม จริยธรรม และภูมิปัญญา ศาสตร์พระราชาท่านทรงค้นคว้าวิจัย นำเรามาแปลงดูสิว่ามันจะตอบโจทย์ของ 17 ข้อ ของสหประชาชาติคืออะไร ค่อยนำมาทำเป็นแผนงานกิจกรรม ตัวนี้จะนำไปสู่เขตเศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่ ไม่ได้กังวล แต่นี่คือพื้นฐานที่เราทำอยู่ ที่ตอบโจทย์ 17 ข้อ ก็มีหลายอย่าง (กางแผนงานเอาไปดู) คือมองภาพใหญ่ให้สอดคล้องกับสหประชาชาติ ภาพใหญ่เรามองว่าการพัฒนาจะต้องนำไปสู่เรื่องสหประชาชาติ 17 ข้อ แต่ภาพเล็กชุมชนของเรามีปัญหาเรื่องอะไรก็เอามาขับเคลื่อนกับความรู้ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เรานำหลักธรรม ภูมิปัญญา และความรู้เอามากำหนดปัญหาต่างๆ ซ้ายคือแนวทางการขับเคลื่อน ขวาคือนำไปสู่การพัฒนาตาม17ข้อสหประชาชาติ แล้วก็กำหนดมาเป็นโครงการเดียว แต่มีกิจกรรมของโครงการรักษ์ป่า เรื่องการบริหาร เรื่องการพัฒนามนุษย์ อาตมาทำเป็นแผนของศูนย์ไว้ เราจะดูว่างานที่เรามีจะไปสอดคล้องได้อย่างไร เพราะงานเรามีอยู่แล้ว เราก็ทำได้ดีเพราะเราถนัด ถ้าไปดูในผังแล้วก็ตอบโจทย์ใน 17 ข้อ ไม่ครบทุกข้อก็ไม่เป็นไร ทำแบบนี้เกิดความสนุกกว่า ไม่ต้องกังวล บางทีก็เอาแผนพัฒนาของจังหวัดมาด้วย อย่างเจ้าคุณปัญญาตอนนี้ซื้อที่เพิ่มอีก 50 กว่าไร่ รวมกับของเดิม 30 ไร่ ก็อาจจะเอาคนเข้าไปอยู่ได้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องหนัก เพราะอย่าลืมว่าต้องอยู่กับคนคือเรื่องหนัก เพราะอาตมาเคยทำเรื่องบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดมาก่อน แล้วก็คนที่ไม่มีคุณธรรมจะนำปัญหามาให้เยอะมากมาย มันมีทั้งคนยากจนและคนอยากจน คนอยากจนเนี่ยมันก่อเกิดปัญหา คนยากจนจริง ๆ ไม่มีอะไรเขามีพื้นฐานของความขยัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีคนเข้ามาคอยดูแล ปลัดเก่งก็พอที่จะทราบแนวทาง อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่จังหวัดนครนายก ถ้าประเมินแล้วไม่ผ่านมันไม่จบนะ ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ที่ดงใหญ่นี้ถ้าตามเกณฑ์ที่คุยกันล่าสุดนี้ ไม่เข้าเกณฑ์ แต่ต้องมองหาพื้นที่ใหม่ซึ่งไปสำรวจแล้วมีอยู่ 3 แห่ง ซึ่งเป็นป่าช้า เป็นที่ฝังศพของชุมชน บางแปลงถูกบุกรุกไปแล้วก็มี เราจะไปนำชาวบ้านออกจากพื้นที่ก็จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง หากทำแปลงเดียวก็จบเลยมันง่าย อาตมามองว่าถ้ารวมตัวกันได้ 100 ไร่ก็เอาไปเชื่อมโยงกับโคก หนอง นา ที่มีอยู่ หลังจากส่วนที่เขาปลูกข้าวไปแล้ว เขาปลูกข้าวได้เท่าไหร่ ยังปลูกถั่วได้ไหม..” ตอนนี้เอกชนก็อยากเข้ามาร่วมด้วย มีอะไรบ้าง เราไม่ทราบข้อมูล แต่ว่ามีหลายภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ ถ้าเรื่องวัตถุดิบสามารถไปเชื่อมกับชาวบ้านได้ ก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยด้วย ถ้าอยากได้ข้าวก็ต้องส่งเสริมเรื่องน้ำให้ชาวบ้านด้วย เพราะพื้นที่บางแห่งมันไม่มีน้ำ แต่ถ้าเอาพื้นที่ 300 ไร่อย่างเดียวเป็นไปได้ยาก ถ้าต้องการให้ส่วนในขับเคลื่อนเขาก็ต้องปรับแผนให้เหมาะกับบริบทของชุมชน นาแปลงใหญ่เขารวมเรื่องพืชไร่เข้าไปด้วยไม่ได้มีเฉพาะนา แปลงใหญ่มีแต่นายทุนใหญ่เท่านั้นที่จะทำได้ ใจของเราคิดว่าอยากจะต่อยอดโคก หนอง นาเดิมที่เคยคุยไว้ เขาอยากให้เป็นเหมือนภาคธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เป็นเครื่องมือของนายทุนอีก คล้ายกับนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เนื่องจากว่าของเรานั้นเป็นวัด หากไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ จะโดนโจมตีทันที ดังนั้นเราจึงไม่มุ่งเน้นทางธุรกิจ แต่มีหลายแห่งสามารถนำไปประยุกต์เป็นธุรกิจได้ แต่ของเราคือเน้นกิน แจก ช่วย มีบ้างเล็กน้อยที่ขายได้นิดหน่อย มีการตั้งกลุ่มวิสาหกิจ หลวงพ่อก็ช่วยดู เมื่อเขาตั้งตัวได้ก็โอนให้เขาไป โอนคือ การยกให้เขาไปดูแล เราก็ช่วยเริ่มต้นให้ บทบาทของศูนย์ คือสร้างคน ให้มีพื้นที่เรียนรู้จริง อย่างเรื่องธนาคารน้ำ ได้ประสานไปยัง11โรงเรียนแล้ว วางแผนไว้หมดแล้ว เริ่มดำเนินการในส่วนของอุปกรณ์เครื่องจักรไว้บ้างแล้ว ได้รวมกลุ่มของวัดดอนที่เลี้ยงโคไว้เกือบ100 ร้อยตัว เขาจะเอาหญ้ามาสับผสมเป็นอาหารวัว ในกลุ่มได้มีการวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ครุภัณฑ์ที่ได้มามีกี่ตัว ชาวบ้านจะใช้ได้ จะเป็นลักษณะของการเช่าไปใช้ “อาตมาว่าบนพื้นฐานที่เรามีอยู่มันมีความสุขดี แต่ถ้าจะขยายให้ใหญ่ก็ต้องดูศักยภาพ ถ้าเป็นไปได้จะเกิดประโยชน์กับพี่น้องชุมชนก็น่าทำ ต้องศึกษาแนวทางให้แน่ชัด อาตมาได้ชวนพี่น้อง 8 อำเภอมาเตรียมตัวสมัครกันไว้ เอาไปเสนอจังหวัดให้รวบรวมไว้ก่อนลองดูทิศทางของสภาพัฒน์กับกระทรวงมหาดไทยเป็นอย่างไร..” เรื่อง “เขตเศรษฐกิจพอเพียง” เป้าหมายของสภาพัฒน์ฯกับเรา คิดต่างกัน ต่างกัน สภาพัฒน์เขาคิดใหญ่ ของเราคิดจากทฤษฎี 9 ขั้นของในหลวง ในหลวงท่านทำวิจัยมาตลอดชีวิตของท่าน เราคิดนำมาต่อยอดชาวบ้านก็ได้ประโยชน์ เพราะเป็นพื้นฐานของชาวบ้าน จริงอยู่ว่าชาวบ้านได้ปลูกมาก ยอดขายก็จะมากขึ้น ทางสภาพัฒน์นี้เอาตัวเงินนำ ชาวบ้านก็ไม่อยากยุ่งด้วย ตอนนี้มันก็แลยยังไม่มีอะไรคืบหน้า “แต่จังหวัดอุบลราชธานีของเราไม่รอแล้ว ปรึกษาหารือกันแล้ว นำร่องก่อน เราทำจากสิ่งที่เรามีคือ โคก หนอง นา รวมตัวกันกับภาคีเครือข่ายนำร่องทำเขตเศรษฐกิจพอเพียง หากทางข้างบนเขาคุยกันเรียบร้อย ลงตัวพวกเราก็สามารถเข้าไปสวมได้เลย..” ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนโครงการโคก หนอง นา หรือการต่อยอดจัดตั้ง “เขตเศรษฐกิจพอเพียง” ภายใต้การดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย ทุกประการล้วนตั้งอยู่บนฐานในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับประชาชนเพื่อนำไปสู่ “ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน” ตามนโยบายของรัฐบาล และทั้งเพื่อตอบโจทย์พัฒนาวิถีชีวิตของประชาชนให้อยู่ดีกินดี นำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ซึ่งมีทั้งหมด 17 ข้อให้แล้วเสร็จภายในปี 2573 ที่องค์กรสหประชาชาติเรียกร้องให้ทั่วโลกเร่งดำเนินการนั่นเอง!! จำนวนผู้ชม : 422 Leave a ReplyFacebook Comments More Articles By the same author กรมพัฒนาชุมชนเดินหน้า “พลังบวร เอามื้อสามัคคี ทำความดีด้วยหัวใจ” อุทัย มณี พ.ย. 09, 2021 วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เวลา 08.00 น. นายอุบล พีระพรปัญญา ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง … ด่วน!! กกต.ประกาศรายชื่อ ส.ส. เขตแล้ว อุทัย มณี พ.ค. 07, 2019 วันนี้ ( 7 พ.ค. 62 ) สำนักงานคณะกรรมการการเลืกตั้งได้ประกาศรายชื่อ… “สุทิน” มากับพระเข้ากระทรวงกลาโหม นิมนต์เกจิวัดป่าวังน้ำเย็นเจิมห้องทำงาน อุทัย มณี ก.ย. 13, 2023 วันที่ 13 กันยายน 2566 ที่ศาลหลักเมือง นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม… มหาจุฬาฯ ผนึกพลังร่วมกับมูลนิธิรามัญรักษ์ เยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมรัฐมอญ อุทัย มณี ส.ค. 16, 2019 สถานการณ์น้ำท่วมดินถล่มในพม่าปีนี้เข้าขั้นวิกฤติมีประชาชนเสียชีวิตนับร้อยราย… ปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนา “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” อุทัย มณี เม.ย. 02, 2023 วันที่ 2 เมษายน 2566 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ห้องประชุมอาคารหอสมุด… “จรถะ ภิกขเว”! คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศจัด “สังฆะประชาปันสุขเพื่อผู้ป่วยติดเตียง” อุทัย มณี ต.ค. 22, 2019 คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศสนองงาน "สมเด็จพระมหาธีราจารย์" ขับเคลื่อนงาน… กมธ. ศาสนาฯ วุฒิสภา ลงนาม MOU ช่วยเหลือและให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแด่พระสงฆ์ อุทัย มณี ก.พ. 15, 2023 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 วานนี้ คณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม… มมร.จัดกิจกรรม “เทศกาลวันมาฆบูชา” เชิญอดีตผู้ว่าแบงค์ชาติปาฐกถาพิเศษ พร้อมเจริญจิตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่..ในหลวง อุทัย มณี ก.พ. 20, 2024 วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๗ วานนี้ ณ อาคารสุชีพ ปุญญานุภาพ… “กรมการศาสนา” เล็งจัดประกวดคลิปสั้น หัวข้อ “วินัย” ดึงเยาวชนมีส่วนร่วมต้านภัยโควิด-19 อุทัย มณี มิ.ย. 19, 2021 เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๓.๓๐ น. นายกิตติพันธุ์… Related Articles From the same category “มิตรแท้” เจ้าอาวาสวัดฟู่ไฮ่ นิมนต์ “อดีตพระพรหมสิทธิ” ร่วมงานฉลองก่อตั้งวัดฟู่ไฮ่ครบรอบ 90 ปี วันพุธที่ 10 เมษายน 2567 พระอาจารย์จีนวิเทศศาสนานุวัตร หรือพระอาจารย์หมิงยี่… ประชุมแนวทาง..จัดทำสารสนเทศพระปริยัตินิเทศก์ เช้าวันนี้ (18 ก.พ. 64) ณ ห้องประชุมวัดหงส์รัตนาราม แขวงวัดอรุณ… ‘กษัตริย์จิกมี แห่งภูฏาน’ โปรดเกล้าฯ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพร ‘สมเด็จฯ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ’ วันที่ 22 ธ.ค. 65 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2565 ณ วัดพังรี ชัมปา กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน… ปิดฉาก “หมอลำคาร์นิวัล 2562” ขอนแก่น ยิ่งใหญ่ งานกิจกรรม "หมอลำคาร์นิวัล 2562 " ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน… ย้อนดูการศึกษาจากมีวัดเป็นโรงเรียน มีพระเป็นครู เมื่อ พ.ศ. 2441 รัชกาลที่ 5 มีพระราชดำริปฏิรูปการศึกษา ได้ทรงจัดการการศึกษาขั้นต้นให้กับประชาชนทั่วไป…
Leave a Reply