ปลัดกระทรวงมหาดไทยนำข้าราชการครู นักเรียน และประชาชนในเขตบางกอกน้อย สดับพระธรรมเทศนา “อุภินนมัตถจรกถา” เฉลิมพระธรรมบารมี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565
มื่อวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2565 เวลา 09.30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นางธราพร อำนวยสาร ผู้อำนวยการเขตบางกอกน้อย นางสาววิมลนาถ บัวแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวัดระฆัง พ.ต.อ.ศาสตรา อ่อนรัศมี ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางกอกน้อย นายวีนัส จอมเกาะ รองผู้อำนวยการโรงเรียนโฆสิตสโมสร พร้อมด้วยข้าราชการครู นักเรียน และประชาชน สดับพระธรรมเทศนาเฉลิมพระบารมีใน “อุภินนนมัตถจรกถา” เฉลิมพระธรรมบารมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ วัดระฆังโฆสิตาราม
โอกาสนี้ พระเทพประสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ประธานฝ่ายสงฆ์ จุดธุปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และต่อด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดกรวยถวายเครื่องราชสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และกล่าวสดุดีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หลังจากนั้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จุดเทียนส่องธรรมหน้าธรรมาสน์ เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล และมีพระบวรรังสี รองเจ้าคณะภาค 14 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม แสดงพระธรรมเทศนา
พระบวรรังษี ได้แสดงพระธรรมเทศนา โดยมีใจความว่า อุภินนมัตถจรกถา (อุ-พิน-นะ-มัด-ถะ-จะ-ระ-กะ-ถา) เป็นบทพระธรรมเทศนาแสดงอรรถาธิบายพระบรมพุทโธวาทของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าด้วยความประพฤติให้สำเร็จประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือประโยชน์เพื่อตนและเพื่อผู้อื่น ด้วยการอบรมเจริญคุณธรรมสำคัญ 3 ประการให้มีพร้อมขึ้นในตน ได้แก่ “ศีล” คือการรักษากายวาจาให้เป็นปรกติเรียบร้อย “ปัญญา” คือความฉลาดรอบรู้ หรือความรู้ชัดในเหตุและผล และ “สุตะ” คือการศึกษาเล่าเรียน เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมาก ทั้งนี้ ธรรมะทั้ง 3 ประการ คือ ศีล ปัญญา และสุตะ นี้ ต่างอาศัยกันและกันเป็นไปจึงจะส่งผลสมบูรณ์ ให้ได้บำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นได้ทั้งสองสถาน ถ้าประชาชนสามารถเจริญธรรมะทั้ง 3 ประการให้พรั่งพร้อม ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนและแก่สังคมส่วนรวม ย่อมเป็นการฉลองพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้สมดังพระราชปณิธานแห่งธรรมราชินี สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงบริบูรณ์ด้วยพระราชธรรมจริยาอันปรากฏให้มหาชนทั่วหน้าได้ประจักษ์ว่า ทรงพรั่งพร้อมด้วย “ศีลธรรม” ทรงเป็นผู้มีศีล มีปัญญา และมีสุตะ ครบถ้วนทั้งสามสถาน จึงทรงแน่วแน่ในพระราชปณิธาน ที่จะเอื้ออำนวยประโยชน์สุขให้บังเกิดแก่ประชานิกรตลอดมา ทรงตรากตรำบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างต่อเนื่องเนิ่นนานมาจนพระชนมายุลุเขตชรา อย่างมิเห็นแก่ความลำบากพระวรกาย เป็นดั่ง “ศีล” หรือปรกติแห่งพระองค์ผู้ทรงเป็นมารดาประชาชาติไทย ทรงพระวิจารณปัญญาสอดส่องเห็นการณ์ไกลตามวิสัยแห่งอัจฉริยนารี พระราชทานประทีปนำทางปัญญาด้วยพระราชมธุรวาจาอันอ่อนหวานละมุนละม่อม ถึงพร้อมด้วยปรัชญาและสารัตถประโยชน์ ช่วยชุบชีวิตผู้คน สรรพสัตว์ และพืชพรรณ ให้ผ่านพ้นพิบัติภัยจนได้รับความผาสุกสวัสดี ทั้งนี้ก็ด้วยวิถีแห่ง “ปัญญา” ซึ่งล้วนเกิดขึ้นด้วยพระราชวิริยอุตสาหะอันแรงกล้าในทาง “สุตะ” คือความใฝ่พระราชหฤทัยศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม นำให้พระองค์ทรงสำเร็จประโยชน์ส่วนพระองค์และประโยชน์ส่วนมหาชนโดยครบถ้วนทุกประการ สถิตเสถียรในพระราชสถานะ “คุรุฐานียะ” คือครูผู้ประเสริฐ และทรงเป็น “ปูชนียะ” คือบุคคลที่พึงเคารพบูชาสำหรับปวงประชาชาติไทยได้อย่างแท้จริง
อนึ่ง เราทั้งหลายผู้เป็นไทย พึงปฏิญาณใจน้อมนำพระราชธรรมจริยาสัมมาปฏิบัติ ที่เป็นนิทัศน์นำทางอย่างประเสริฐ ไปเทิดเกล้าสวมจิต สร้างเนติต้นแบบการประพฤติปฏิบัติตน จนกระทั่งเป็นผู้ถึงพร้อมสมบูรณ์ด้วยศีล ปัญญา และสุตะ ตามนัยแห่งพระพุทธานุศาสนี และตามทางพระราชกุศลธรรมวิธีสืบไป
หลังการสดับพระธรรมเทศนาจบ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศได้ร่วมรับฟังพระธรรมเทศนา “อุภินนมัตถจรกถา” เฉลิมพระธรรมบารมี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ในการแสดงพระธรรมเทศนาภายในวัดต่าง ๆ ทั้ง 76 จังหวัด สำหรับประชาชนที่นับถือศาสนาอื่น ๆ สามารถร่วมบำเพ็ญบุญตามธรรมเนียมปฏิบัติ และบำเพ็ญประโยชน์เป็นปฏิบัติบูชาเพื่อน้อมถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตลอดทั้งปีโดยพร้อมเพรียงกัน
Leave a Reply