ปลัด มท. เป็นประธานวันคล้ายวันก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชน ครบรอบ 60 ปี ย้ำ “คน พช. ต้องมี Passion และประเมินการทำงานอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นพัฒนาเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างยั่งยืน”
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 เวลา 10.00 น. ณ ห้องสัมมนา 3003 ชั้น 3 กรมการพัฒนาชุมชน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารรัฐประศาสนภักดี ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเนื่องในงานวันคล้ายวันก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชน ครบรอบ 60 ปี โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผู้เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย ผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ข้าราชการกรมการพัฒนาชุมชน ภาคีเครือข่าย และสื่อมวลชนร่วมงาน
โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีพร้อมทั้งมอบนโยบายเนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชน ครบรอบ 60 ปี โดยกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่สำคัญยิ่งอีกวันหนึ่งของกรมการพัฒนาชุมชน ที่ได้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อพัฒนาชุมชน อยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนมากว่า 60 ปี ซึ่งนอกเหนือจากที่จะได้ทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลในโอกาสวันคล้ายวันครบรอบการก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว ยังได้ร่วมอุทิศส่วนกุศลให้แก่ข้าราชการของกรมการพัฒนาชุมชนผู้เป็นปูชนียบุคคลผู้ล่วงลับอีกด้วย อันเป็นการปฏิบัติบูชาตามประเพณีที่คนไทยยึดถือกันมาในโอกาสวันครบรอบ ได้แก่ ประการที่ 1 เพื่อรำลึกนึกถึงบรรพบุรุษ ปูชนียบุคคล ที่เป็นผู้ก่อร่างสร้างกรมการพัฒนาชุมชนขึ้นมา และสร้างชื่อเสียงให้กับกรมการพัฒนาชุมชนในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่พี่น้องประชาชนมาอย่างยาวนาน ดังที่ท่าน พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้ข้อสรุปบทบาทคนกรมการพัฒนาชุมชนไว้ว่า “เป็นคนที่คุยกับชาวบ้านรู้เรื่องมากที่สุด และเป็นคนที่ชาวบ้านรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยมากที่สุด และคนกรมการพัฒนาชุมชนนั้น จะมีแววตาที่เต็มไปด้วยความเมตตา” กับประการที่ 2 ต้องประเมินตนเอง โดยต้องช่วยกันมองอดีต นึกถึงปัจจุบัน เพื่อกำหนดถึงแผนงานโครงการที่จะทำในอนาคต
“คนกรมการพัฒนาชุมชนนั้น นอกจากจะภาคภูมิใจว่าได้ทำสิ่งที่ดีให้กับประเทศชาติและประชาชนแล้ว ประการสำคัญ เราต้องอย่าพอใจกับสิ่งที่ปูชนียบุคคลของกรมการพัฒนาชุมชนได้ขับเคลื่อนมา แต่จงมีความทะเยอทะยานให้มากขึ้นเพื่อที่จะทำให้พี่น้องประชาชนได้พ้นจากความทุกข์และมีแต่ความสุขอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่พวกเราทุกคนได้ช่วยกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจนตามนโยบายของรัฐบาล โดยใช้ข้อมูลจาก TPMAP ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่า ยังมีพี่น้องประชาชนรอรับการช่วยเหลือจากรัฐกว่า 6 แสนครอบครัว หรือประมาณ 1 ล้านคน และข้อมูลจากแพลตฟอร์ม ThaiQM ของกรมการปกครอง ที่ได้จัดทำเพื่อ Recheck ข้อมูล ยืนยันแล้วว่า เรายังมีครัวเรือนที่มีปัญหาความเดือดร้อนอยู่กว่า 4 ล้านครอบครัว หรือคิดเป็น 12 ล้านคน ซึ่งจะเห็นได้ว่า “ยังมีคนที่มีความทุกข์ยากเดือดร้อนอยู่อีกมาก” ดังนั้น คนกรมการพัฒนาชุมชนซึ่งเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ มี Passion แรงปรารถนาในการทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลังความสามารถ สิ่งใดที่ได้ทำมาและดีอยู่แล้วขอให้พัฒนาต่อยอดไปสู่สิ่งที่ดีกว่า สิ่งใดที่ยังไม่ดีขอให้ประเมินและปรับปรุงทุ่มเทช่วยกันพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพราะพี่น้องประชาชนคนที่เขาเดือดร้อนยังรอคอยให้พวกเราไปช่วยเหลือ ไปพัฒนา ไปสร้าง ไปเสริม ไปเติมเต็ม ไปทำให้พวกเขาเหล่านั้นมีงาน มีอาชีพ มีรายได้ ด้วยการไปโค้ชชิ่ง ไปเทรนนิ่ง ดึงเอาความสามารถที่เขามีอยู่ มาทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้ได้ และต้องทำให้เกิดความยั่งยืนด้วย” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ
ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาคนกรมการพัฒนาชุมชน ได้ตั้งใจในการขับเคลื่อนงานด้วยความทุ่มเทดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในระดับพื้นที่ด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องอยู่เดิมแล้ว อาทิ การสร้างกลุ่มออมทรัพย์ที่มีทุนทรัพย์อยู่เป็นจำนวนมาก การขับเคลื่อนพัฒนาสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ซึ่งถือเป็นองค์กรที่มีความสำคัญที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้ามาพึ่งพิงหรือเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อใช้สำหรับการประกอบสัมมาชีพได้ หรือแม้แต่งาน OTOP ที่สามารถช่วยให้พี่น้องประชาชนในระดับพื้นที่ได้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว การน้อมนำโครงการพระราชดำริ “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาขับเคลื่อนรณรงค์ส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนปลูกผักสวนครัวเพื่อลดรายจ่าย มีผักปลอดภัยบริโภคเป็นอาหารและสร้างความมั่นคงด้านอาหาร การรณรงค์ให้มีการคัดแยกขยะ จัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน การเป็นผู้นำต้องทำก่อนในการสวมใส่ผ้าไทยในทุกโอกาส การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา และแนวพระราชดำริอารยเกษตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมา แม้จะมีหลายพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จ แต่ความสำเร็จนั้นยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ดังนั้น กรมการพัฒนาชุมชนยังต้องติดตาม ทบทวน ประเมินผลงาน และนำไปขับเคลื่อนพัฒนาต่อยอดให้เกิดการยกระดับ “ทำให้ดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องครอบคลุมทุกพื้นที่” ด้วยการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้ง 7 ภาคี พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งด้านการเกษตร ศิลปวัฒนธรรม การพัฒนาอาชีพ ฯลฯ รวมถึงการพัฒนาคนในทุกมิติ ทุกช่วงวัย ให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างยั่งยืน โดยการน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ให้เหมาะสม
“การจะทำให้งานประสบผลสำเร็จได้นั้น ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สรรหาสิ่งใหม่ ๆ มาต่อยอดในงานด้านการพัฒนาชุมชน ตั้งมั่นในการเป็นผู้มีจิตใจที่มุ่งมั่น ที่รุกรบ มี Passion ที่จะร่วมกัน Change for Good สร้างสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SGDs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ทั้ง 17 ข้อ และต้องเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ดีที่ทำให้ผู้บังคับบัญชายอมรับและทำตามให้ได้ และขอให้คนกรมการพัฒนาชุมชนช่วยกันพัฒนา ช่วยกันแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอน แสดงออกถึงความทุ่มเท ด้วยหัวใจนักพัฒนาที่มีแต่ความรัก ความเมตตา เพื่อ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างทั่วถึง มั่นคง และยั่งยืนสืบไป” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติม
ด้านนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ในวาระวันคล้ายวันก่อตั้งกรมการพัฒนาชุมชน วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ส่วนราชการและหน่วยงานสังกัดกรมการพัฒนาชุมชนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมีการจัดกิจกรรมขึ้น เพื่อน้อมรำลึกถึงคุณูปการในการก่อเกิดกรมการพัฒนาชุมชน และเป็นการเสริมสร้างให้ข้าราชการและบุคลากรของกรมการพัฒนาชุมชนเกิดความรักความภาคภูมิใจในองค์กร ตลอดจนเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการและบุคลากรทุกระดับ โดยในส่วนกลางจัดให้มีพิธีทำบุญ สำหรับในส่วนภูมิภาค มีการจัดพิธีทางศาสนาและกิจกรรมอื่น ๆ เช่น กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ตามความเหมาะสม กิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร เป็นต้น ทั้งนี้ ตลอด 60 ปี ที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์ที่มีคุณค่าและภาคภูมิใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรกรมการพัฒนาชุมชน จากการปลูกฝังถ่ายทอดอุดมการณ์สู่คนรุ่นหลัง การทำงานที่ใกล้ชิดกับประชาชน บนพื้นฐานการมีส่วนร่วม และยึดหลักปรัชญาการพัฒนาชุมชนตลอดมา
“ในโอกาสที่กรมการพัฒนาชุมชนก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 61 กรมการพัฒนาชุมชนได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาชุมชน และรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบริบทโลก และสังคมไทยในมิติต่าง ๆ ทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนให้มีความสามารถในการบริหารจัดการและพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน การส่งเสริมและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากที่ช่วยให้คนในชุมชน มีงาน มีอาชีพ มีรายได้ มีความมั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสร้างเครือข่ายการพัฒนาชุมชนที่เข้มแข็ง เชื่อมโยงความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อผนึกกำลังในการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยกันอย่างเชื่อมั่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน และประเทศชาติต่อไป” อธิบดี พช. กล่าวในช่วงท้าย
Leave a Reply