ผู้ประสานงาน UN เยี่ยมชม บูธมหาดไทยโคกหนองนาปันสูข งาน SX 2022 ศูนย์สิริกิติ์

ผู้ประสานงาน UN ประจำประเทศไทย เยี่ยมชมบูธ กระทรวงมหาดไทย ในงาน SX 2022 พร้อมเน้นย้ำจับมือกระทรวงมหาดไทย และ 76 จังหวัดทั่วประเทศ ขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศไทยและโลกใบเดียวนี้

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ในการนำเสนอการขับเคลื่อนภารกิจด้านความยั่งยืนของกระทรวงมหาดไทย ในงาน Sustainability Expo 2022 หรือ SX 2022 ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26 ก.ย. – 2 ต.ค. 65 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้รับเกียรติจากคุณกีต้า ซับบระวาล (Mrs. Gita Sabharwal, UN Resident Coordinator in Thailand) ผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย และคณะ ให้ความสนใจและเดินทางเข้าเยี่ยมชมบูธของกระทรวงมหาดไทย โดยตน พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ร่วมให้การต้อนรับ และนำเสนอพร้อมแลกเปลี่ยนแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศไทยและโลกใบเดียวนี้

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า คุณกีต้า ซับบระวาล มีความประทับใจกิจกรรม มหาดไทยปันสุข เป็นอย่างมาก พร้อมทั้งขอขอบคุณภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยทุกท่านที่ส่งผลผลิตจากแปลงโคก หนอง นา มาที่งานและขอขอบคุณเจ้าหน้าที่และผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมงานทุกท่านที่ช่วยทำให้กิจกรรม มหาดไทยปันสุขเป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมกิจกรรมทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน นิทรรศการผลงานความสำคัญในระดับพื้นที่ผ่านดิจิทัลบอร์ด อาทิ การดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนที่ จ.แม่ฮ่องสอน ที่ได้สำรวจบ้านกลุ่มผู้ยากไร้ ผู้เปราะบาง โดยได้มีการซ่อมแซม พร้อมสร้างสุขาที่ถูกสุขลักษณะในพื้นที่ และกิจกรรม Live Action กิจกรรม ผ้าไทยใส่ให้สนุก ในกิจกรรมการย้อมผ้า จากกลุ่มผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีการทำสีจากธรรมชาติในผ้าไทย 100% ซึ่งเวลาซักผ้าสีไม่ตกนอกจากนี้ กลุ่มนี้ยังเคยได้รับรางวัลเหรียญทองพระราชทานจากการประกวดผ้าลายเขียน ลายบาติก ซึ่งภายหลังกิจกรรมได้มอบของที่ระลึกโดยได้ซื้อผ้าไทย ลายไทย ขนาด 1 x 2 เมตร จากกลุ่มผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ บ้านคีรีวง เป็นของที่ระลึกให้คุณกีต้าฯ อีกด้วย ทั้งนี้ ผู้สนใจเยี่ยมชมกิจกรรมย้อนหลังสามารถติดตามได้ที่ Facebook กระทรวงมหาดไทย PR หรือที่ลิงค์ https://www.facebook.com/prmoithailand/videos/834403231032802

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า คุณกีต้าฯ ได้หารือถึงการขับเคลื่อนงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทยตามที่ได้ลงนาม MOU ประกาศเจตนารมณ์เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืนโดยผู้ว่าราชการจังหวัดของประเทศไทย ที่ได้ลงนามไปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 อันเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และในขณะเดียวกันก็จะช่วยกันพัฒนาประเทศของเราให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืนครบทั้ง 76 จังหวัด ผ่านการร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง มุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ทั้ง 17 ข้อ ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นสมาชิกที่ดีของโลก และทำให้ประชาชนได้รับสิ่งที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด ผ่านทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา มาสู่การทำการเกษตรแบบพึ่งพาตนเอง การเกษตรที่หลากหลาย ที่สามารถช่วยให้ประชาชนเกิดการพึ่งพาตนเองได้ มาใช้เป็นเครื่องมือพัฒนาให้พี่น้องประชาชนให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ มั่นคง และยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของสหประชาชาติ ด้วยแนวคิด Change for good “76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อการพัฒนา เพื่อความเท่าเทียม เพื่อความยั่งยืน เพื่อคนไทยกว่า 69 ล้านคน ร่วมกับสหประชาชาติ ซึ่งคุณกีต้าฯ จะขอทำ work shop ร่วมกันระหว่าง UN กับ 76 จังหวัด และฝากความหวังการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนกับกระทรวงมหาดไทย

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเสริมว่า นับแต่การลงนาม MOU กระทรวงมหาดไทยได้มุ่งมั่นขับเคลื่อนการดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการสำคัญมากมาย อาทิ การน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ขยายผลในทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทั้งท้องที่และท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร การสร้างทีมนายอำเภอผู้นำขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลง ระดับอำเภอ ตามโครงการอำเภอนำร่องการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” แบบบูรณาการ โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน การเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมถึง การใช้ซีเมนต์ไฮดรอลิกสำหรับการก่อสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อลดโลกร้อน เป็นต้น ซึ่งคุณกีต้าฯ ชื่นชมเป็นอย่างมาก และจะรายงานผลการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทยไปยัง UN สำนักงานใหญ่ ต่อไป

ดร.วันดี กล่าวว่า กิจกรรม “มหาดไทยปันสุข” ของกระทรวงมหาดไทย เป็นกิจกรรมการกุศลผ่าน “เครือข่าย ปันบุญ ปันน้ำใจ” จากพี่น้องภาคีเครือข่ายในพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “Our Loss is Our Gain ขาดทุน คือ กำไร ยิ่งให้ไป ยิ่งได้มา โดยได้รับการสนับสนุนผลผลิตจากแปลงโคก หนอง นา และผลผลิตอื่น ๆ จากภาคีเครือข่าย ทั้งเกษตรกร โคก หนอง นา กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มผู้นำชุมชนต้นแบบ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ มีทั้ง ผัก ผลไม้ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมมะลิตักสิลา ไม้ดอก ไม้ประดับ กล้วยไม้ ผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ เช่น น้ำพริกมะขาม กล้วยไส้มะขามอบเทียน ที่รองแก้วไม้สัก กล้วยหินกรอบ ขนมไข่ สบู่น้ำผึ้งชาโคล ผงถ่านจากไม้ไผ่ เป็นต้น เพื่อให้ทุกท่านที่เข้าเยี่ยมชมงานสามารถนำไปบริโภค รับประทาน หรือนำไปฝากพี่ ๆ น้อง ๆ ญาติผู้ใหญ่ ได้โดยไม่ต้องซื้อ เพียงร่วมบริจาคตามกำลังศรัทธาแทน ทั้งนี้ขอให้พกถุงผ้ามาด้วย เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก โดยจะนำรายได้จากการร่วมบริจาคทั้งหมด ไปสมทบทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ประจำปี พ.ศ. 2565 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรียกได้ว่า อิ่มทั้งกายและอิ่มทั้งใจ ทั้งจากเครือข่ายผู้ให้ และผู้รับที่เข้าร่วมเยี่ยมชมงาน

นายสุทธิพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า งานกิจกรรม Sustainability Expo 2022 หรือ SX 2022 จะสิ้นสุดอีก 2 วัน โดยวันที่ 2 ต.ค. นี้จะเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานงาน Sustainability Expo 2022 (SX 2022) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน (ASEAN’s Largest Sustainability Exposition) ณ บริเวณชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2565 ระหว่างเวลา 10.00 – 20.00 น. พร้อมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงพลังการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมทั้งตกย้ำความสำเร็จของกระทรวงมหาดไทยเพื่อร่วมผลความสำเร็จ มุ่งมั่น Change for Good สู่เป้าหมายเพื่อการพัฒนาคนในทุกช่วงวัย ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้ง 17 ข้อ ขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN บนพื้นฐานวิถีชีวิตที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ และผนึกกำลังร่วมกับกลไกการทำงานของกระทรวงมหาดไทย และกลไกการทาน 3 5 7 (3 ระดับ 5 กลไก และ 7 ภาคีเครือข่าย) ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สู่การพัฒนาที่เป็นรูปธรรมในทุกมิติอย่างยั่งยืน ตามเจตนารมณ์ของกระทรวงมหาดไทย “76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา เพื่อการพัฒนา เพื่อความเท่าเทียม เพื่อความยั่งยืน เพื่อคนไทยกว่า 69 ล้านคน “โลกนี้เพื่อเรา””

Leave a Reply