พ่อเมืองสมุทรสงคราม รวมพลังชุมชนและภาคีเครือข่าย “ลงแขกลงคลองจับปลาหมอสีคางดำ” มุ่งลดปัญหาเศรษฐกิจและสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศ

วันที่ 21 มิ.ย. 66   นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับทราบความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ต้องประสบพบกับปัญหาการแพร่ระบาดของ “ปลาหมอสีคางดำ” ในแหล่งน้ำสาธารณะ ส่งผลให้เกิดการทำลายเศรษฐกิจพื้นถิ่น กระทบต่อเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและระบบนิเวศในแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งปลาชนิดดังกล่าวได้แพร่ระบาดเข้าไปในบ่อเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา กัดกินสัตว์น้ำชนิดอื่นที่ตัวเล็กกว่าเป็นอาหาร เช่น ลูกปลา กุ้ง และสัตว์น้ำเศรษฐกิจอื่น ๆ รวมทั้งทำลายสัตว์น้ำประจำถิ่น ซึ่งแม้ว่า ทางจังหวัดจะได้มีการปล่อยพันธุ์ปลากะพงไปเบื้องต้นเพื่อให้กัดกินทำลายลูกปลาหมอคางดำแล้วก็ตาม แต่จากการตรวจติดตามผลก็ยังพบว่าในคลองสาธารณะยังมีปลาหมอสีคางดำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากการขยายพันธุ์และการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว จึงทำให้ทางจังหวัดได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคี น้อมนำหลักการทรงงาน คือ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา เพื่อร่วมรับประโยชน์ พร้อมยกเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขในระยะเร่งด่วน

“เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว จังหวัดสมุทรสงคราม จึงได้บูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ จัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลองจับปลาหมอสีคางดำ” ณ คลองสัมมะงา หมู่ที่ 4 ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา โดยมีนายบัณฑิต กุลละวณิชย์ ประมงจังหวัดสมุทรสงคราม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปู หอย จากตำบลยี่สารและตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา ร่วมใช้อวนลากในลำคลองสัมมะงาซึ่งเป็นคลองสาธารณะที่มีปลาหมอสีคางดำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก  เพื่อลดจำนวนของปลาหมอสีคางดำ และจะได้ร่วมกันฟื้นฟูระบบนิเวศให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม โดยปลาที่จับได้นั้น ส่วนหนึ่งจะนำไปแปรรูป และส่วนหนึ่งจะนำไปทำน้ำหมักชีวภาพเพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมต่อไป” นายสมนึก ฯ กล่าว

นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวต่อว่า ปัญหาความเดือนร้อนของพี่น้องประชาชนทุกเรื่องเป็นเรื่องสำคัญที่คนมหาดไทยต้องรีบเร่งช่วยเหลือเพื่อ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้พี่น้องประชาชนได้มีความสุขในเร็ววัน ตนในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดในพื้นที่จังหวัดของกระทรวงมหาดไทยที่ต้องบูรณาการทุกภาคส่วน ทุกส่วนราชการ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ด้วยการเป็น “คนนำทาง” ที่เดินไปด้วยกันกับภาคีเครือข่าย ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงที่จะเข้าหา รับฟัง ประสานงานแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน Change for Good ให้ได้รับสิ่งที่ดีในทุกด้าน รวมทั้งการยึดมั่นในแนวคิด “ผู้นำต้องทำก่อน” เพื่อให้ข้าราชการ ภาคีเครือข่ายและพี่น้องประชาชนได้เห็นเป็นตัวอย่างในการขยายผลไปสู่ผู้คนในพื้นที่ เด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ หลอมรวมความรัก ความสามัคคี ร่วมกันขับเคลื่อน ลงมือปฏิบัติพัฒนาในพื้นที่ของตน เพื่อที่ทำให้ครอบครัว ชุมชม สังคม สามารถพึ่งพาตัวเอง อยู่รอดปลอดภัย มีความพอเพียง และมีความสุขอย่างยั่งยืน

Leave a Reply