วันนี้จะผมพูดถึงสามขุนพลหัวหมู่ทะลวงฟันที่กำลังจะกลายเป็นขวัญใจชาวพุทธอยู่ ณ ตอนนี้
คนแรก การปรากฏกายขึ้นของ นายกรณ์ มีดี หัวหน้าพรรคแผ่นดินธรรม ในฐานะที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้สร้างสีสันให้กับชาวพุทธมิใช่น้อย
หลังการเลือกตั้งเมื่อต้นปี 62 กรณ์ มีดี ในนามหัวหน้าพรรคแผ่นดินธรรม ที่อาสาหวังเป็นปากเป็นเสียงแทนพระคุณเจ้าและชาวพุทธในสภา “กลับพ่ายแพ้ยับเยิน”
ทั้ง ๆ ที่ทุกนโยบายล้วนเป็นความต้องการของชาวพุทธทั่วประเทศ
ล่าสุดบทบาทของกรณ์ มีดี ในที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศาสนา ฯ อย่างน้อยได้ส่งเสียงให้พระคุณเจ้าและชาวพุทธ ได้รับรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับชาวพุทธ
หนึ่ง พระคุณเจ้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด มิได้รับเงินเยียวยา เพราะหน่วยงานไหน??
สอง มีเหตุการณ์สำนักสงฆ์วัดป่าอุดมมงคลขัดแย้งกับท้องถิ่น ต. หลุ่งตะเคียน อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา
ทั้ง 2 เหตุการณ์ล้วนได้รับความสนใจจากชาวพุทธ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมองได้ว่าภาครัฐ “ไม่ใยดี”กับกลุ่มพลเมืองกลุ่มนี้ อาจเป็นเพราะมอง “พระสงฆ์เหมือนกาฝาก” ชนิดหนึ่งใช่หรือไม่ ?
ท่านที่สอง ดร.นิยม เวชกามา ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.สกลนคร คนนี้สไตร์การอภิปรายเรื่องพระสงฆ์ “เกาะติด กัดไม่ปล่อย” เป็นขวัญใจของพระสงฆ์และชาวพุทธ ทั้งเรื่องที่รัฐบาลดำเนินคดีกับอดีตพระผู้ใหญ่,เรื่องการเยียวยาวัดและพระภิกษุที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ซึ่งตอนนี้คนกลุ่มนี้กำลังกลายเป็น “พลเมืองชั้นสอง” มองการเยียวยาภาครัฐแล้วได้แต่มองตาปริบ ๆ จะพูดก็พูดไม่ได้ กลืนไม่ได้คายไม่ออก น้ำท่วมปาก เพราะเป็นพระห้ามส่งเสียงเรียกร้อง
คุณนิยม เกาะติดเรื่องพระสงฆ์ไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อเนื่องโดยเฉพาะเรื่อง เงินทอนวัด เกาะติด ทวงถาม ทวงคืนผ้าเหลืองให้พระที่ถูกดำเนินคดีต่อเนื่อง
อดีตนักข่าวภูมิภาคท่านนี้ กลายเป็นขุนพลชาวพุทธในสภาผู้แทนราษฎรเบอร์ต้น ๆในสังคมชาวพุทธ
ส่วนอีกท่าน ดร. เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ อดีตกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร
ที่ไหนพระถูกรังแก ที่ไหนพระเดือดร้อน ที่ไหนมีปัญหา “ถึงลูกถึงคน” พร้อม ดร.ปิง ขุนพลคู่ใจ “ถึงไหนถึงกัน”
มีผลงานเข้าตาคณะสงฆ์และชาวพุทธหลายเรื่อง และค่อนข้างทำงานร่วมกับฝ่ายบริหาร เจ้าหน้าที่รัฐและท้องถิ่นได้ดี ทุกงานจาก “ยากเหมือนง่าย”
เป็นเอาว่า..ชาวพุทธเรา มันต้องมีคนประเภทแบบนี้ มิได้มีแต่ประเภท “ดีแต่พูด ดีแต่แสดงความคิดเห็นหรือเป็นได้แค่นักเลงคีบอร์ด ” หรือแม้กระทั้ง “ดีแต่นิ่งเฉย” ทั้ง ๆ ที่ข้าศึกประชิดรอบด้าน ทั้งต่างศาสนา และขี้อิจฉาริษยาชิงดีชิงเด่นในหมู่ชาวพุทธกันเอง
วันนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่า..ขอชื่นชมบทบาททั้งสามท่านในยามที่พุทธศาสนาและคณะสงฆ์เจอศึกรอบด้านแบบนี้
อย่า !! แผ่วก็แล้วกัน..
***************************
ขอบคุณภาพ -ข้อมูล : The Key News
Leave a Reply