“หมู่บ้านรักษาศีล 5” คณะสงฆ์ต้องปิดทอง “หน้าพระ” บ้าง!!

“ผู้เขียน”  ในขณะที่กำลังปั่นบทความอยู่นี้เดินทางมาอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก เพื่อมาสังเกตการณ์การขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ของคณะสงฆ์หนเหนือ ซึ่งพรุ่งนี้ประเดิมวัดแรกในอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก

“หมู่บ้านรักษาศีล5” มีชื่อเต็ม ๆ ว่า โครงการเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา “หมู่บ้านรักษาศีล 5”   ซึ่งเป้าหมายจริงของโครงการนี้ก็คือ การสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนคนไทย รวมทั้งรณรงค์ให้ประกอบสัมมาชีพด้วย หลัก ๆ ก็คือ ให้ดำเนินชีวิตตามหลักศีล 5 นั่นเอง

ประมาณปี 2557 ผู้นำยุคนั่นคือ พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา  ได้เข้าสักการะ “สมเด็จช่วง” สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ประมาณว่า มาขอร้องให้คณะสงฆ์ช่วยหาทางสมานฉันท์สร้างความปรองให้หน่อย ซึ่ง “สมเด็จช่วง” ท่านรับปากและ “สร้างทีม” ขับเคลื่อนหมู่บ้านรักษาศีล 5 ขึ้นมา โดย “ปูพรม” ทั่วประเทศ

ยุค ๆ แรก ๆ  สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เนื่องจากท่านมี “บารมี” งบประมาณการทำงานส่วนใหญ่ท่าน “ควักเอง” อาจจะมี  “คณะทำงาน” เมื่อเห็น “เจ้านาย” เสียสละก็อาจ “เกรงใจ” ออกเองบ้างบ้างส่วน!!

ต่อมาโครงการนี้ก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่ถามว่าได้งบประมาณมาช่วยขับเคลื่อนหรือไหม หึ หึ  เท่าที่ทราบได้ปีละประมาณ 4.5 ล้านบาท และทำงาน “ทั่วประเทศ” ครอบคลุมทุกจังหวัด ทุกอำเภอ

“ผู้เขียน” เคยทำงาน “พีอาร์” การสร้างความปรองดองให้กับ “หน่วยมั่นคง” บางหน่วยกองเดียวมีงบประมาณ หลายร้อยล้านบาท  แต่ “หมู่บ้านรักษาศีล 5” ทำงานทั่วประเทศ “รัฐบาล” สนับสนุน 4.5 ล้านบาท คิดแล้ว “อนาถใจ”

ปัจจุบันโครงการ “หมู่บ้านรักษาศีล5” มี “สมเด็จธงชัย” สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เป็นประธานอำนวยการใหญ่  ไม่รู้ว่า “ใจถึง พึ่งได้” เหมือน “สมเด็จช่วง” หรือไม่!!

แต่ที่รู้ ๆ ยุคนี้ คณะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เริ่มต้นตั้งแต่ พระธรรมวชิรสุนทร ประธานกรรมการบริหารกลาง,พระธรรมวชิรโสภณ ประธานหนตะวันออก, พระเทพวชิรสุตาภรณ์  ประธานหนใต้ ,พระเทพรัตนนายก ประธานหนเหนือ และ พระเทพสมุทรวัชราจารย์  ว่าที่ประธานหมู่บ้านรักษาศีล 5 หนกลาง เวลาพูดเรื่องงบประมาณทำงาน “หน้าดำคล้ำเครียด”  เพราะจะเบิกเงินวัดก็กลัวถูกตรวจสอบ  ต้องเสียสละ “เงินส่วนตัว” ทั้งนั้น!!

“ผู้เขียน” ร่วมประชุมกับกรรมการหมู่รักษาศีล 5 หลายครั้ง ทุกครั้งเวลาลงพื้นที่หรือจัดกิจกรรมหมู่บ้านรักษาศีล 5 กรรมการนอกจากเสียเวลา เสียสละ เสียกิจนิมนต์ รับแขกที่วัดแล้ว

เวลาลงพื้นที่ ต้องระดมทุนร่วมกัน “ควักเงิน” ส่วนตัวทุกครั้ง รูปละ 1 แสนบ้าง 5 หมื่นบ้าง

“ผู้เขียน” มองว่าโครงการ “หมู่บ้านรักษาศีล5” เป็นกิจกรรมในการ “สร้างภาพลักษณ์” ที่ดีให้กับคณะสงฆ์ และทั้งหากมีแบบแผนทีดีสามารถกอบกู้ “วิกฤติศรัทธา” ที่สถาบันสงฆ์ประสบอยู่ตอนนี้ได้

“ผู้เขียน” ไปสังเกตการณ์การลงพื้นที่ของคณะสงฆ์ หลายแห่ง มีการไปเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยญาติบางรายร้องให้ ปลื้มปีติ พระภิกษุระดับเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด พระราชาคณะเยี่ยม มามอบเงินข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องอุปโภคบริโภคให้ บางแห่งคณะกรรมการเจอเด็กยากจนเรียนดี กตัญญกตเวทีให้ทุนเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ก็มี เช่น พระธรรมวชิรสุนทร จจ.ลพบุรี ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนวินิตศึกษาเป็นต้น บางรูปเจอคนแก่ คนป่วย ก็ให้เงินไปรักษาตัวบ้าง ใช้จ่ายส่วนตัวบ้าง ส่วนเด็ก ๆ ที่โรงเรียนให้มาร่วมงาน..พระคุณเจ้าควักเงิน ส่วนตัวให้กันเป็นปึก!!

ซึ่งลึก ๆในใจผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คณะสงฆ์จะใช้โครงการ “หมู่บ้านรักษาศีล 5” นี้ ในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับ “องค์กรสงฆ์”  รวมทั้งพยายาม ต้องหาช่อง “สื่อสาร” กับสังคมว่าโครงการนี้มีประโยชน์ต่อสังคมอย่างไร และคณะสงฆ์ทำงานอะไรเพื่อสังคม ประเทศชาติ โดยไม่มีเงินงบประมาณ หรือเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนอะไรเลย!!

ไม่อย่างนั่น “สังคม” ก็อาจไม่รู้ว่าคณะสงฆ์ทำงานอะไรบ้าง ยุคนี้มันต้องปิดทอง “หน้าพระ” บ้าง

คณะสงฆ์ต้องกล้าประกาศ ให้สังคมรู้เลยว่าคณะสงฆ์ทำงานอะไรเพื่อประเทศชาติ เพื่อสังคม และเพื่อประชาชนบ้าง!!

Leave a Reply