วันที่ 23 ธ.ค. 67 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จัดงานสวดมนต์ข้ามปีภายใต้ชื่อ “สวดมนต์ข้ามปี ถวายพระราชกุศล เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับศักราชใหม่ 2568” ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.67 – 1 ม.ค. 68 เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราช ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รวมทั้งเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาและนำหลักธรรมคำสอนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ลด ละ เลิกอบายมุข เสริมสิริมงคลในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พุทธศักราช 2568
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า นับเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งที่กระทรวงวัฒนธรรมได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานไฟพระฤกษ์ให้แก่กระทรวงวัฒนธรรมเพื่อจุดเทียนมงคลในพิธีสวดมนต์ข้ามปี และโปรดประทานตราอักษรพระนาม ออป. จัดพิมพ์ลงบนกล่องไม้ขีดไฟ เพื่อมอบให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ นำไปประกอบพิธีจุดเทียนมงคลในกิจกรรมดังกล่าว สร้างขวัญกำลังใจแก่พุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมในพิธี และเป็นสิริมงคลในการเข้าสู่ศักราชใหม่ ในการนี้ กระทรวงวัฒนธรรมโดยกรมการศาสนา ได้จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสามารถสวดมนต์ข้ามปีได้ทุกที่ในช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประชาชนได้นำหลักธรรมคำสอน มาบ่มเพาะ เสริมสร้างพลังใจให้มีจิตใจที่ผ่องใส ลด ละ เลิกอบายมุข ก่อให้เกิดสิริมงคลแก่ตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ โดยส่วนกลางจัดกิจกรรม
ในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง วัดอรุณราชวราราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ จะมีการถ่ายทอดสัญญาณภาพงานสวดมนต์ข้ามปี เชื่อมโยงการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในส่วนภูมิภาคของประเทศไทยและต่างประเทศ ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์และช่องทางอื่น ๆ อีกทั้งกรมการศาสนายังได้จัดทำหนังสือสวดมนต์เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่มาร่วมพิธีสำหรับประชาชนที่มาร่วมสวดมนต์ข้ามปี ยังสามารถเข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ที่ประดิษฐานบนมณฑป ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งเปิดให้ เข้ากราบสักการะ ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ทั้งนี้ รัฐบาลไทย และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เห็นชอบร่วมกัน ในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร เป็นการชั่วคราว
Leave a Reply