“มจร” ตลาดวิชา “กลุ่มชาติพันธุ์-เพื่อนบ้านอาเซียน”

“ผู้เขียน”  ไปแอบฟังคำสัมภาษณ์ “เจ้าคุณประสาร” พระเทพวัชรสารบัณฑิต รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ “มจร”  โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกมาสอบถามข้อมูลเชิงลึกและวิสัยทัศน์ เพื่อตรวจประเมินคุณภาพการศึกษาภายในประจำปีของ มจร  พอจับใจความได้ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบัน “มจร” พยายามดึงกลุ่มชาติพันธุ์ ทั้งจากภายในประเทศและภายนอกประเทศที่เป็น “พระภิกษุ-สามเณร” เชิญชวนให้มาเรียนที่ “มจร” เพราะถือว่าท่านเหล่านี้คือ “ศาสนทายาท” สำคัญของคณะสงฆ์ที่จะร่วมกันสร้างความเจริญและความมั่นคงให้กับพระพุทธศาสนา “เจ้าคุณประสาร” ย้ำว่าประเด็นสำคัญ คือ หากท่านเหล่านี้ได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ด้านพระพุทธศาสนาผสมผสานกับ “ศาสตร์สมัยใหม่” อันเป็น “จุดแข็ง” ของ มจร  เชื่อว่า พระพุทธศาสนาโดยภาพรวมจะ มั่นคงและยั่งยืนได้ ทั้งเป็นประโยชน์ต่อ “มวลมนุษยชาติ” 

“ผู้เขียน” ฟัง “เจ้าคุณประสาร” เล่าต่อว่า เพื่อเป้าหมายดังกล่าว “มจร” ยุคนี้จึงพยายามสนับสนุนและเชิญชวน “ศาสนทายาท” จากกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือและภาคอื่น ๆ ที่คิดว่า มีศักยภาพมาพัฒนาได้เข้าสู่ระบบการศึกษา ผ่านโรงเรียนพระปริยัติธรรมบ้าง และป้อนเข้าสู่วิทยาเขตต่าง ๆ บ้าง ขณะที่กับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็น เมียนมา ลาว กัมพูชา   ก็ไปเซ็น “MOU” กับคณะสงฆ์บ้าง ระดับรัฐบาลบ้าง เพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าว

โดยไม่ทิ้ง “ใครไว้ข้างหลัง”

“ผู้เขียน” ฟังแล้ว “เข้าท่า”  เนื่องจากผู้เขียนมองว่า  “มจร”  มีจุดแข็งคือ ความเป็น “มหาวิทยาลัยสงฆ์”  ที่พร้อมทั้ง บุคลากร งบประมาณ และเครือข่าย ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน “ไม่มี” ความพร้อมทางด้านนี้เลย  หากทำจริง!!   “มจร” จะเป็นตลาดวิชาให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ไม่เฉพาะพระภิกษุสามเณรเท่านั่น ขณะนี้แม้กระทั้งคฤหัสถ์มาศึกษาต่อที่ มจร กันเป็นจำนวนมาก

“ผู้เขียน” เคยไปทัศนะศึกษากับผู้บริหาร มจร  เห็นผู้บริหาร “คณะสงฆ์ -ข้าราชการ” ระดับสูง เช่น มหาเถรสมาคม หรือ กรมการศาสนา สำนักนายกรัฐมนตรี หลายคนจบการศึกษาจาก มจร

ปัจจุบันนิสิตนานาชาติเดินมาจากทั่วโลก จำนวนทั้งสิ้น 2,333 รูป/คน จาก 27 ประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีนานาชาติมาเรียนเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย มีวิทยาเขตและวิทยาลัยสงฆ์กระจายอยู่ทั่วประเทศ  ประกอบไปด้วย ส่วนกลาง  12 วิทยาเขต  28 วิทยาลัยสงฆ์  4 หน่วยวิทยบริการ และ 6 สถาบันสมทบ  มีนิสิตทั้งหมด 25,774 คน แบ่งออกนิสิตระดับปริญญาตรี 18,159 รูป/คน , นิสิตระดับปริญญาโท 5,081 รูป/คน นิสิตระดับปริญญาเอก 2,534 รูป/คน   เปิดการเรียนการสอน 4 คณะ ประกอบด้วย คณพุทธศาสตร์ คณะครุศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ และคณะสังคมศาสตร์ เปิดสอนกว่า 230 หลักสูตร

หากวัดจากจำนวนนิสิต มจร ติดอันดับ 20 มหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่มีจำนวนนิสิตมาก

ความพิเศษของ มจร คือ ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์เรียนร่วมกับได้ โดยแบ่งนิสิตบรรพชิต 11,974 คน นิสิตคฤหัสถ์ 13,800 คน ขณะที่ศิษย์เก่าพระภิกษุส่วนใหญ่ล้วนจบการศึกษามาจาก มจร ตั้งแต่ระดับกรรมการมหาเถรสมาคมเป็นต้น ส่วนศิษย์เก่าคฤหัสถ์รับใช้สังคมได้อย่างมีคุณภาพ..

“ผู้เขียน” จึงเห็นด้วยและขอชื่นชมแนวคิดของผู้บริหาร “มจร” ที่มองภาพรวมของพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์อย่างมีคุณค่า ว่าต้องร่วมกันพัฒนา “ศาสนทายาท” โดยไม่ต้องคำนึงว่าเป็น…ชาติใดหรือเผ่าพันธุ์ใด

แต่ให้ถือว่า “พระภิกษุ -สามเณร” เหล่านั่นคือ ศาสนทายาทและมี “พ่อ” เดียวกันคือ พระสมณโดตม

 

 

Leave a Reply