พรรคเพื่อชาตินิมนต์เจ้าคุณประสาร พระสงฆ์กว่า 60 รูปรับบาตร เสวนา”อนาคตของพระพุทธศาสนาไทย”

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่ Live Policy Center ซอยสุขุมวิท 12 พรรคเพื่อชาติ ได้จัดเสวนาหัวข้อ อนาคตของพระพุทธศาสนาไทย โดยมีพระราชวัชรสารบัณฑิต หรือเจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) พร้อมคณะสงฆ์กว่า 60 รูป รวมทั้งสมาชิกจากพรรคเพื่อไทยชาติ อาทิ น.ส.ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรค ร.อ.ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ปรึกษาพรรค นายนิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย ที่ปรึกษาพรรค และกรรมการบริหารพรรค เข้าร่วม

โดยในวงเสวนา เจ้าคประสาร ระบุว่า หลายคนสงสัยว่าพระสงฆ์มีประโยชน์อะไรกับสังคม สามารถยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้หรือไม่เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาอาตมาก็ได้รับคำเตือนอย่างเป็นทางการและสอบถามมาว่า ส่วนตัวอาตมาได้ไปยุ่งเกี่ยวกับบ้านเมืองหรือการเมืองหรือไม่ ซึ่งอาตมาก็ได้ชี้แจงไปว่า การเมืองกับบ้านเมืองต้องแยกกันให้ออกถ้าบ้านเมืองเราไปยุ่งย่ามสะพายย่ามตามไปเพื่อไปบอกญาติโยมว่าให้เลือกพรรคนั้นพรรคนี้คนนั้นไม่ดีคนนี้ไม่ดีอันนั้นยอมรับว่าเป็นสิ่งที่พระสงฆ์อาจจะไม่สมควรทำ จึงมีการพูดกันว่าถ้าพระตามหมู่บ้านไปพูดแบบนี้ก็จะเกิดความเสียหายได้ แต่เรื่องบ้านเมืองเราควรพูดได้หรือไม่หรือว่าควรพูดแบบไหนและที่สำคัญคือพระพุทธศาสนาจะเป็นอย่างไร

เรื่องสำคัญก็คือฝ่ายการเมืองนั้นไม่ยกย่องก็อย่าเหยียบย่ำเพราะว่าพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ของเราวันนี้ถ้าหากฝ่ายการเมืองไม่ยกย่องก็อย่าถึงขนาดเหยียบย่ำกันเลยเพราะเรามีความวิตกว่าอนาคตของพระพุทธศาสนาบนผืนแผ่นดินไทยจะเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับศาสนาอื่นหรือบางศาสนาที่กำลังรุ่งเรืองอย่างที่สุด ทั้งในแง่ของการปกครอง ในแง่การเมืองรวมถึงในแง่ของกฎหมายเมื่อรุกกันมาขนาดนี้แล้วเราจะทำอย่างไรจะไม่ให้พวกเราพูดได้เลยหรือ

อีกเรื่องที่สำคัญและอาตมาก็ยอมรับว่ามีทั้งคนที่เห็นด้วยและเห็นต่างจึงอยากให้มาช่วยกันพูดช่วยกันดีเบตว่าเห็นด้วยเห็นต่างอย่างไรก็คือ เรื่องการขอบรรจุพระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญเรื่องนี้เราเคยไปสวดมนต์แต่ชาวบ้านเรียกว่าจัดม็อบพระ ที่ รัฐสภาหรือที่พุทธมณฑลจนเป็นเหตุให้มีคดีความกันอยู่จนถึงวันนี้ทั้งที่อาตมาไปเพื่ออยากอธิบายว่าพระพุทธศาสนาควรจะบรรจุในรัฐธรรมนูญและบรรจุเป็นศาสนาประจำชาติอาตมามาให้เหตุผลว่าบรรจุพระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำชาติก็เท่านั้นไม่ได้พูดว่าฝ่ายไหนดีหรือไม่ดีไม่ได้พูดเรื่องความแตกแยกขัดแย้งหรือไม่ได้พูดเพื่อชักนำอะไรเลยแต่ต้องการพูดเพื่อให้ลองศึกษากันดูว่าชาติอื่นก็เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน

และที่เมืองไทยวันนี้เท่าที่สำรวจก็มีชาวพุทธถึง 94.6% ซึ่งมีชาวพุทธซึ่งเป็นส่วนใหญ่ในประเทศขนาดนี้ก็ควรจะมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญหรือไม่อาตมาจึงได้แสดงความคิดเห็นไปใน 3 เรื่องก็คืออยากให้ทำประชามติสอบถามความคิดเห็นส่วนใหญ่ไปเลยว่าต้องการให้นำพระพุทธศาสนาบรรจุเข้ามาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญหรือไม่ ดูอย่างตัวอย่างที่ผ่านมาก็ยังมีการถามความเห็นกันเลยว่าต้องการให้ สว.มีสิทธิ์เลือกนายกฯหรือไม่ถามแบบไม่มีการเหมาเข่งแต่พอเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนาเราโดนเหมาเข่งตลอด

ในหลักประชาธิปไตยต้องเคารพคนส่วนใหญ่และคนส่วนใหญ่เห็นควรไปทางไหนก็ไปทางนั้นดังนั้นในประเทศไทยมีชาวพุทธถึง 94.6% ซึ่งก็ถือว่าเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศแล้วเราจะไม่สนใจประเด็นนี้บ้างเลยหรือ

ที่มาวันนี้มีวัตถุประสงค์คือมาเจริญพระพุทธมนต์ให้พรกับพรรคเพื่อชาติแต่ถ้ามีคนถามว่าทำไมถึงมาแต่พรรคเพื่อชาติอาตมาก็ต้องตอบว่าเพราะพรรคเพื่อชาตินิมนต์อาตมา
ซึ่งถ้าหากพรรคการเมืองอื่นนิมนต์อาตมาไปบ้างอาตมาก็ไปเพราะส่วนตัวอาตมาไปได้ทุกพรรค แล้วที่มาวันนี้ก็ได้พูดกับคนนิมนต์ว่าขอพูดอะไรสักหน่อยพูดในที่แจ้งแบบนี้ทุกคนจะได้รับรู้พร้อมๆกันเพื่อจะได้รู้ว่าทุกวันนี้โลกมันไปไกลแล้วจึงสามารถพูดได้ว่าตอนนี้เราคิดอย่างนี้และก็มีความวิตกกังวลว่าอนาคตของพระพุทธศาสนาบนผืนแผ่นดินไทยจะสิ้นสุดในเวลาไม่นานนี้หรือไม่อนาคตพระพุทธศาสนา จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ จะสูญสิ้นหรือไม่ และการสูญสิ้นนั้นเกิดจากภัยภายใน หรือ ภัยจากภายนอก ทางฝ่ายบ้านเมืองมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะสนับสนุน หรือไม่สนับสนุนพระพุทธศาสนา

Leave a Reply